ล่าสาวชลฯอ้างเป็นทหารหญิงสู้รบซีเรีย ตุ๋นเสี่ยหมูกระทะ3แสน

ล่าสาวชลฯอ้างเป็นทหารหญิงสู้รบซีเรีย ตุ๋นเสี่ยหมูกระทะ3แสน

แอบอ้างเป็น "ทหารหญิง" สู้รบซีเรีย ลวงมีเงิน100ล้านอยากลงทุนในไทย ด้าน "เสี่ยร้านหมูกระทะ" หลงเชื่อถูกตุ๋นสูญโอน3แสน เผยทราบชื่อเป็นหญิงอยู่ชลบุรี

นายมานะ สมิทธ์สมบูรณ์ อายุ 58 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม เจ้าของธุรกิจร้านหมูกระทะชื่อดังตลาด อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ตนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นทหารหญิง เข้าไปสู้รบในประเทศซีเรีย ทักขอเข้ามาเป็นเพื่อนทางเฟสบุ๊ค จากนั้นได้มีการติดต่อพูดคุยกันมาโดยตลอด จนกระทั่งได้โพส์ตรูปหีบบรรจุธนบัตรชนิดดอลล่าร์มูลค่าประมาณ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณกว่า 100,000,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการจูงใจให้เกิดความสนใจและอยากรู้ จนกระทั่งเดินเกมต่อด้วยการอ้างว่าอยากจะนำเงินทั้งหมดมาลงทุนในประเทศไทย แต่อยากขอความช่วยเหลือจากตน ช่วยเป็นผู้รับหีบเงินดังกล่าวที่จะส่งไปยังกงศุลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ โดยอ้างว่าจะแบ่งให้50%ของจำนวนเงินที่เก็บรักษาเอาไว้ให้

ด้วยเหตุนี้ ตนจึงรับปากและยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ยังอ้างอีกว่าเขาได้มีการวางแผนกลยุทธความปลอดภัย ด้วยวิธีทางการทูตไว้เป็นความลับเรียบร้อยแล้ว จากนั้นอ้างว่าได้ส่งของไปให้ที่สำนักงานกงศุลแล้ว และรบกวนให้ตนเป็นธุระช่วยออกค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อจะได้จัดส่งไปยังบ้านของตน ด้วยการจ่ายค่าจัดส่งไปก่อนจำนวน 39,170 บาท ด้วยความดีใจที่จะได้ส่วนแบ่งเงินจำนวนมากแบบนี้ จึงหาเงินโอนให้ไปโดยไม่คิดเฉลียวใจ

ต่อมาทางบริษัทฯจัดส่งก็มีข้ออ้างกลับมาที่ตนอีกครั้งว่า ทางบริษัทไม่สามารถนำหีบเงินออกมาได้ เนื่องจากทางกงศุลได้ทำการสแกนแล้วพบว่ามีเงินจำนวนมาก จึงต้องจ่ายเพิ่มอีกจำนวน 74,600 บาท เป็นค่าจัดทำเอกสารและค่าธรรมเนียม แต่ตนตอบกลับไปที่ว่าไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวได้

ดังนั้น จึงปลอบใจว่าควรจะหาทางหยิบยืมจากเพื่อนจ่ายไปก่อน เมื่อได้รับหีบเงินแล้วจะจ่ายคืนให้ทีหลัง ตนจึงต้องโทรไปยืมจากพื่อนอีกครั้ง ก่อนที่จะโอนไปให้อีก แต่ทางบริษัทฯได้แจ้งกลับมาอีกว่า ทางบริษัทฯจำเป็นต้องขอเปลี่ยนชื่อเอกสารการรับของเป็นชื่อตนจึงจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่มอีกจำนวน 9,200 เหรียญ หรือเป็นเงินไทย จำนวน 310,800 บาท จึงจะสามารถรับของได้ ตนจึงต้องบากหน้าไปยืมเงินจากเพื่อนอีก แต่เพื่อนบอกว่าให้ได้แค่ 200,000 เท่านั้น คุณต้องไปหายืมที่อื่นอีก 100,000 เอาเอง

กระทั่งตนจึงโอนไปให้จำนวน200,000บาท ที่เหลือขอให้ช่วยออกบ้าง ล่าสุดได้ขอร้องให้ตนหาเงินอีกจำนวน59,000บาท โอนให้กับทางบริษัทประกันอีกครั้ง เพื่อที่จะได้จัดส่งหีบเงินไปยังบ้านของตน แต่ตนไม่สามารถหาหยิบยืมจากใครได้อีก พร้อมกับเริ่มรู้แล้วว่าถูกหลอก จึงเกิดอาการเครียดเข้าแจ้งความที่ สภ.กำแพงแสน ก่อนที่จะไปประสานกับทางธนาคาร จึงได้ข้อมูลชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นำบัตรเอทีเอ็มมาถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม จำนวน3แห่ง ในพื้นที่ กทม.ด้วยการถอนเงินที่ตนโอนให้ไปกว่า300,000บาท จนหมดเกลี้ยงทราบชื่อคือหญิงสาวคนหนึ่ง อยู่จ.ชลบุรี

ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการรวบรวมข้อมูล เพื่อจะติดตามตัวมาสอบสวน และจับกุมแก็งคอลเซ็นเตอร์แก็งนี้ต่อไป