MORNING CALL ACTION NOTES (31 ก.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (31 ก.ค.60)

ผันผวนในกรอบ

ตลาดหุ้นไทยวันก่อนแกว่งตัวแคบ จากแรงกดดันปัญหา NPL ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม BANK รวมถึงแรงขายกลุ่ม ETRON จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,581.06 จุด (-2.11 จุด) Vol. 3.6 หมื่นลบ. โดย Foreign Net - 929 ลบ. TFEX Net +257 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +5,490 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- จีน PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.ชะลอตัวลงสู่ 51.4 จากเดือนมิ.ย.ที่ 51.7 PMI ภาคบริการ.ชะลอตัวลงสู่ 54.5 จากเดือนมิ.ย.ที่ 54.9

- ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย หลังสหรัฐยกระดับการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเกี่ยวกับข้อกล่าวหาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

- เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งที่ 2

+ ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวขึ้น ตอบรับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP Q2/17 ของสหรัฐฯอยู่ที่ 2.6% (สูงกว่าที่ขยายตัว 1.2% ใน Q1/17) จากแรงหนุนการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนภาคธุรกิจในด้านเครื่องมืออุปกรณ์

+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 49.7 US/Barrel หลังนักลงทุนคลายความกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4 สัปดาห์ติดต่อกันโดยลดลง 7.2 ล้านบาร์เรล รวมถึงการผลิตน้ำมันปรับตัวลดลง19,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.410 ล้านบาร์เรล/วัน

+ สศค.คาด GDP ไทยปี 2017 + 3.6% รับแรงหนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี พร้อมเพิ่มเป้าการเติบโตของภาคการส่งออกเป็น 4.7%

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนไม่มีสัญญาณไหลเข้าตลาดหุ้นที่ชัดเจน แม้ว่าเงินบาทจะยังแข็งค่าล่าสุด 33.3 Bath/USD

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้ระดับ 50 US/Barrel รวมถึงสศค.คาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ที่ +3.6% อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวน รวมถึงสถานการณ์ความสัมพันธ์ของสหรัฐ-รัสเซียที่ตึงเครียดขึ้นจะกดดันต่อทิศทางดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,575 – 1,590 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวก

- กลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น

- SYNEX COM7 SIS BIZ MGT กลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q2/17 จะเติบโตขึ้น CK BPP BANPU RS LH HARN WICE JWD LIT BIZ MGT ECF PPS SYNEX

- กลุ่มปันผลครึ่งปีสูง ADVANC INTUCH KKP TCAP LH SIRI TTW

หุ้นแนะนำพิเศษ

IRPC (ราคาปิด 5.50 Bloomberg Consensus 5.95)

• คาดกำไรปกติในไตรมาส 2 ปรับตัวขึ้นหลังไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น UHV เหมือนในไตรมาส 1 ที่ โดยคาดว่าจะใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 190 KBD สู่ระดับ 200 KBD และจะเพิ่มเป็น 215 KBD ภายในปลายปี 61 หากปรับปรุงหอกลั่นแล้วเสร็จส่งผลให้สามารถรับน้ำมันดิบจากแหล่งที่หลากหลายได้ โดย Bloomberg คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ราว 1.02 หมื่นล้านบาทเติบโต 5%YoY

• ประเด็นบวกครึ่งปีหลัง คาดโรงงานผลิต PP เฟส 2 จะแล้วเสร็จ 3Q60 ส่งผลให้สามารถผลิต Polypropylene (PP) ได้อีก 300 KTA (กำลังการผลิตรวม 700 KTA) ซึ่งในปัจจุบันเม็ดพลาสติก PP มีอัตรากำไรที่สูงเพราะวัตถุดิบราคาปรับตัวลงจากสหรัฐมีการผลิตได้เพิ่มขึ้น

หุ้นมีข่าว

- TM (ราคาปิด 3.18 ซื้อเก็งกำไร ราคาเหมาะสม 3.78) ผนึกพันธมิตรไต้หวัน ขยายโอกาสลงทุนเพิ่มแย้มอนาคตอาจเห็นการร่วมทุน พัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ คาดชัดเจนในปี 2561 พร้อมเร่งขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับการรักษาโรคหัวใจและดูแลผู้สูงอายุ ยิ้มรับครึ่งปีหลังโดดเด่น จ่อโกยออเดอร์โรงพยาบาลรัฐ-เอกชนเพียบ (ที่มาทันหุ้น)

   ความเห็น แม้รายได้จะเติบโตแต่อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเป็นปัจจัยลบต่อการเติบโตของผลประกอบการ โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 58 ที่ระดับ 47.55% ลดลงมาสู่ระดับ 41.32% ในปี 59 และในไตรมาส 1Q60 อยู่ที่ 41.14% ทำให้ผลประกอบการจะไม่ได้เติบโตโดดเด่นตามการเติบโตขายได้ เราจึงแนะนำเพียง "ซื้อเก็งกำไร"
(+/-) ADVANC(ราคาปิด 188 บาท Bloomberg Consensus 185.07 บาท)

- กำไร 2Q60 อยู่ที่ 7.21 พันล้านบาท –24.8%YoY แต่มากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 3% โดยแม้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 2% YoY ตามฐานลูกค้ารวมที่เพิ่มขึ้น 2.8%YoY แต่ถูกหักล้างโดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 29.3%YoY จากค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 Mhz และการขยายโครงขย่าย 4G

- ทางผู้บริหารยังคาดการณ์รายได้ปี 60 เติบโตราว 4-5%YoY และเชื่อว่าอัตรากำไรจากการขายเครื่องโทรศัพท์ปรับตัวดีขึ้นจนเท่าทุนได้ ปัจจุบัน วางเป้างบลงทุนไว้ที่ 40,000 – 45,000 ล้านบาท กอปรกับความต้องการในการรักษาสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมีการปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากเดิมที่ 100% เหลือ 70% เริ่มต้นปี 60 เป็นต้นไป ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลล่าสุดสำหรับงวด 1H60 อิง Dividend Payout ที่ 70% เป็นครั้งแรก อยู่ที่ 3.51 บาท หรือ 1.87% XD วันที่ 7 ส.ค. 60 บาท

- LH (ราคาปิด 9.95 Bloomberg Consensus เฉลี่ย 11.18) ตุนแบ็กล็อกสูงแตะ 2 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง คาดโชว์งบไตรมาส 2/2560 ไม่ต่ำกว่า 3.19 พันล้านบาท โต 80% จากไตรมาสก่อน จ่อบุ๊กกำไรพิเศษจากดีลการเพิ่มทุนของ LHBANK ประมาณ 1.1 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

   ความเห็น คาดกำไร 2Q60 มีแนวโน้มโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบ YoY และ QoQ จากระดับ 2.6 พันลบ.ใน 2Q59 และ 1.8 พันลบ. ใน 1Q60 เนื่องจากธุรกิจหลักมีโมเมนตัมดีจากการโอนโครงการแนวราบและเริ่มโอนคอนโด 2 โครงการ The Room เจริญกรุง (ขายแล้ว 48%) The Bangkok สาธร(ขายแล้ว 69%) และรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขาย Grand Center Point ราชดำริเข้ากองทุน LHHOTEL ก่อนภาษีราว 900 – 1,000 ลบ. ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 60 รวมรายการพิเศษราว 9.3 พันลบ. +10%YoY รวมทั้งคาด yield 1H60 ราว 3% (คาดเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.30 บาท)คาดการณ์เงินปันผลทั้งปี 0.68 บาท yield 6.9%

- SAMART เผยบ.ย่อยได้งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้า สมุทรสาคร 9 ของกฟภ. มูลค่า 298.05 ลบ.

- ITD ได้งานรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 7.3 พันล้านบาท ยอมหั่นต่ำกว่าราคากลาง 15% ฟาก "ร.ฟ.ท." คาดเซ็นสัญญาได้ภายในส.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

- TPIPP รับข่าวดีโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่ง ผ่าน EIA แล้ว พร้อมดันกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 150 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ประมาณต้นเดือนต.ค. (ที่มา ทันหุ้น)

- PACE เผยหนี้สินรวม 28,000 ล้านบาท เป็นหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายแค่ 19,000 ล้านบาท เร่งเดินหน้าโอนมหานคร-มหาสมุทรนำเงินใช้หนี้แบงก์กว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมปรับกลยุทธ์กู้เงินแบงก์รีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้นให้เป็นระยะยาว มั่นใจสิ้นปีนี้กดหนี้ลดลงต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(-) ICHI-SAPPE- OISH I อ่วม ภาษีน้ำหวานมีผลบังคับใช้ 16 ก.ย. ระบุอัตราภาษีใหม่สูงกว่าเดิม ให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว 2 ปี ICHI, OISHI และ SAPPE โดนหนักสุดภาษีขึ้นทุก 10% ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2.5% (ที่มา ข่าวหุ้น)


ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +33.76 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 33.76 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 21,830.31 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.32 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 2,472.10 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับลง 7.51 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 6,374.68 จุด ขานรับตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวขึ้น แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นอเมซอน

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.67 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 49.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ทะยาน 8.6% เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การผลิตน้ำมันก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน