ภารโรงเล่าลูกพาไปพบศพแม่ ปัดรู้เห็นการตายคาโรงเรียน
คืบหน้าคดีดัง! ภารโรงเล่าลูกพาไปพบศพแม่ ปฏิเสธไม่รู้เห็นการตายคาโรงเรียน เผยไม่เคยเห็นผู้ตายกับผอ.ทะเลาะวิวาทกัน
(30 กรกฏาคม 2560) ความคืบหน้ากรณีนายวินิจ อัครสุวรรณกุล อายุ 55 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคล้า ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าทุบหัวนางสาวลัดดา จินดาแก้ว หรือตุ๊ อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าห้องน้ำของโรงเรียนบ้านหนองคล้า หมู่ที่ 7 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ ขณะพาลูกชายวัย 7 ขวบ ไปเล่นฟุตบอลและเครื่องเล่นที่สนามหญ้าของโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนายวินิจ ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 5 แสนบาท แต่ก็ไม่มีใครสามารติดต่อได้
โดยวันนี้ที่ สภ.เขาวิเศษ นายอภิชัย อภิบาล สามีผู้เสียชีวิต ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.ชาติชาย วงศ์ปัญญา สารวัตรเจ้าของคดีอีกครั้ง โดยมีพี่ชายคนกลางของภรรยามาเป็นเพื่อน เนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัย และยังมีพยานรายอื่นๆ เดินทางมาให้ปากคำร่วมด้วย เบื้องต้น ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด หวั่นกระทบคดี
ส่วนบรรยากาศในงานตั้งบำเพ็ญกุศลศพนางสาวลัดดา บรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงญาติๆนั่งรอต้อนรับ ซึ่งนางสาวเพชรไพลิน ภูมิ พี่สะใภ้ผู้ตาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับครอบครัวผู้ตาย โดยยืนยันความมั่นใจว่ามีหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ได้ การมอบตัวสู้คดี หรือการได้ประกันตัวก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ ผู้ต้องหาก็มีสิทธิดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายและศาลเช่นกัน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เขาวิเศษ มาตรวจตราอยู่ ซึ่งได้สร้างความสบายใจให้กับครอบครัวของผู้ตายมากขึ้น
นางสาวเพชรไพลิน ภูมิ พี่สะใภ้ผู้ตาย กล่าวอีกว่า เพื่อนสมัยเรียนของผู้ตายเดินทางมาวางพวงหรีดและเล่าให้ฟังว่าหลังเกิดเหตุ 2 วัน ผู้ตายได้เข้าฝัน บอกว่าเจ็บปวดมาก ขอให้ไปช่วย เมื่อญาติทราบจึงได้ปรึกษาพระ และแนะนำว่าให้ซื้อยาแก้ปวด และชุดสังฆทาน ถวายพระ จำนวน 4 รูป หน้าโลงศพ นอกจากนี้มีคนมาบอกว่า มีชาวบ้านเห็นผู้ตายนั่งอยู่ที่ศาลาใน ร.ร. ตรงทางเดินก่อนถึงห้องน้ำ ญาติก็มีความกังวลใจ จึงเดินทางเข้าไปในร.ร.ยกมือไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทางใน ร.ร.ปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้ตายออกจากบริเวณดังกล่าว ให้กลับบ้าน หรือไปยังภพภูมิที่ดี ซึ่งหลังก่อนทำพิธีเผาศพน้องในวันที่ 3 ส.ค. 2560 อาจจะต้องนิมนต์พระไปที่ ร.ร.อีกสักครั้งเพื่อทำพิธีให้ผู้ตาย
นายสมจิต ชัยเพชร อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่7 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นนักการภารโรงโรงเรียนบ้านหนองคล้า สถานที่เกิดเหตุ กล่าวว่า บ้านตนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนประตูทางเข้าโรงเรียน เปิดเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดหลายตัว โดยตัวที่ติดบริเวณหน้าบ้านส่องไปบนถนน ซึ่งทางตำรวจได้นำภาพที่ปรากฎในกล้องเป็นพยานหลักฐานชิ้นหนึ่ง ตนไม่ทราบว่า พบอะไรในกล้องบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้ปากคำเท่าที่อยู่ในเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ส่วนคดีทางตำรวจก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว
ตนเองยืนยันในวันเกิดเหตุว่า เห็นเด็กชายยืนร้องไห้ที่ร้านค้าหน้า ร.ร. จึงเดินไปถาม ก็ทราบว่าตามหาแม่ บอกว่าหาแม่ไม่พบ ไม่ได้บอกว่าพบแม่อยู่ทีไหนก่อนหน้านี้ จึงชักชวนชาวบ้านที่ร้านค้า ผู้ใหญ่บ้าน ลูกชายให้พาไฟฉายส่องทางตามมาหา ใน ร.ร. ตะโกนว่าลูกสาว ออกมาได้แล้ว ลูกชายร้องไห้อยู่ กระทั่งลูกชายหยุดร้องแล้วบอกว่าแม่เดินไปห้องน้ำ จึงเดินไปตรวจสอบกัน และพบศพที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ และไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรให้ใคร เพราะตนไม่รู้มาก่อนว่าเด็กเดินมาพบศพของแม่และเห็นเหตุการณ์อะไรบ้างก่อนหน้านี้
ซึ่งตอนที่เจอเด็กครั้งแรกก็เอาแต่ร้องไห้หาแม่ และเพิ่งตั้งสติได้ทีหลังบอกว่าแม่บอกว่าจะเดินไปห้องน้ำ ซึ่งตอนที่เข้าไปใน ร.ร.ขณะพบศพนั้นเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่า ไม่มีใครอยู่นอกจากแม่ค้าหน้าร.ร.
นายสมจิต กล่าวอีกว่า ซึ่งทั้งตนและครู นักเรียนในโรงเรียนต่างก็ตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าคนร้ายคือผอ.ร.ร. ไม่มีใครรู้เรื่องและคิดปิดบังอะไรทั้งสิ้น ให้ข้อมูลกล้องวงจรปิดไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาขอไว้ว่าภาพวงจรปิดไม่ให้นักข่าวหรือผู้ใด รายละเอียดข้อมูลก็ไม่ต้องให้ เพราะกลัวกระทบกับผลทางคดี
อย่างไรก็ตามตนเองก็พูดเหมือนคนอื่นๆที่รู้จัก ผอ. คือ ปกติเป็นคนดี พัฒนาร.ร. ส่วนในเรื่องส่วนตัวไม่เคยรับรู้ ไม่เคยเห็นคนตายมาที่ ร.ร. ไม่เคยเห็นทะเลาะวิวาทกัน แต่หลังเกิดเหตุเด็กๆที่เคยมาเตะฟุตบอลใน ร.ร. ช่วงเย็นก็พูดว่าผู้ตายเคยพาลูกเข้ามาเล่นในโรงเรียนอยู่บ้าง ส่วนการทำความสะอาดคราบเลือด หน้าห้องน้ำ รอเจ้าหน้าที่สั่งการ เพราะกลัวว่าจะไปทำลายหลักฐาน ทั้งนี้ในร.ร. ยังปรึกษากันว่าต้องมีการนิมนต์พระมาทำพิธีทางศาสนาเพื่อลดความกลัว