ททท.โหมเมดิคัลทัวร์ชูจุดแข็งเที่ยวอายุยืน

ททท.โหมเมดิคัลทัวร์ชูจุดแข็งเที่ยวอายุยืน

ททท.เร่งเครื่อง “เมดิคัลทัวร์” บูมจุดแข็งส่งเสริมชีวิตยืนยาว รับเทรนด์คนทุกวัยเน้นเชิงป้องกันมากกว่ารักษา ระดมเอเย่นต์-สื่อ 123 รายร่วมจัดโชว์เคสเฉพาะทาง ส.ค.นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการที่ ททท.เตรียมจัดงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เฮลธ์ แอนด์ เวลเนส โชว์ เป็นครั้งที่ 4 ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ ที่เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะถือโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงแพทย์และสุขภาพ (เมดิคัล แอนด์ เวลเนส ทัวริสซึ่ม) ของไทยโดยเริ่มเจาะลึกถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวหลัก (Issue Based) ที่มีการท่องเที่ยวเชิงแพทย์และสุขภาพรวมอยู่ด้วย และสอดคล้องกับแผนการทำตลาดเพื่อเจาะเซ็กเมนท์มากขึ้น

ในครั้งนี้ชูแนวคิด “Thailand a Paradise for Longevity” นำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์เน้นการรักษาสุขภาพเชิงป้องกันแบบบูรณาการ เพื่อส่งเสริมการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี (Longevity)

การเลือกไฮไลท์ด้านการรักษาคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว เนื่องจากเล็งเห็นความพร้อมในเชิงอุปทาน (ซัพพลาย) ภาคบริการทางการแพทย์ของไทย ที่มีธุรกิจลงทุนด้านบุคลากรที่มีความเชื่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจนติดอันดับในเอเชีย โดยในงานนี้มีการเชิญเอเย่นต์ที่ทำตลาดนี้เฉพาะและสื่อมวลชน 123 รายจาก 30 ประเทศเข้าร่วมพบปะกับผู้ประกอบการไทย 44 ราย เพื่อรับข้อมูลจุดแข็งของไทยที่สำคัญต่อการตัดสินใจ ได้แก่ การมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล JCI 58 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน และยังมีแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน American Academy of Anti-Aging Medicine Certified จำนวน 500 คน มากที่สุดในเอเชีย ขณะที่ประเทศอื่นๆ มีในหลักร้อยคนเท่านั้น

นอกจากนั้น เป็นประเทศเดียวในภูมิภาค ที่มีโรงพยาบาลเฉพาะด้านสมุทัยเวชศาสตร์การแพทย์แบบบูรณาการที่มุ่งจัดการต้นเหตุของโลก (Functional & Regenerative Medicine) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บีบีเอช (Better Being Hospital) และโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ขณะที่ความพร้อมด้านอื่นๆ อาทิ มีห้องปฏิบัติการแล็บตรวจสุขภาพเชิงป้องกันขั้นสูง เช่น เฟมโต แล็บ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการตรวจดีเอ็นเอ 1 ใน 4 แห่งของโลก เป็นต้น รวมถึงมีรีสอร์ทสุขภาพครอบคลุมทุกเมืองท่องเที่ยว และรีสอร์ทสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของกลุ่มตลาดนี้อยู่ที่ราว 8-10% เมื่อเทียบกับรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งเฉพาะการเข้ามาเพื่อรักษาพยาบาลมีปีละไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าหากรวมรายได้เกี่ยวเนื่อง เช่น โรงแรม, ชอปปิง อยู่ที่ราว 1 แสนบาท/คนโดยเฉลี่ย

ดังนั้นหลังจากที่ส่งเสริมตลาดนี้ต่อเนื่องมาราว 2-3 ปี คาดว่าภายในระยะเวลาอันใกล้ มีโอกาสเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มนี้เป็น 15% เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่ขยายไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น จีน, กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ที่มีข้อได้เปรียบด้านการเดินทางระยะใกล้ และรัฐบาลเพิ่งออกมาตรการส่งเสริมนโยบายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขยายเวลาพำนักเพิ่มในไทย 90 วันให้กับนักท่องเที่ยวจีนและซีแอลเอ็มวีโดยเฉพาะ

ด้านนางสาวจิตติมา อุทัยเฉลิม ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ รอยัลออร์คิด พลัส การบินไทย กล่าวว่า เข้าร่วมส่งเสริมกลุ่มเมดิคัลทัวร์ของไทย ด้วยการกระตุ้นตลาดผ่านฐานลูกค้ารอยัลออร์คิดที่มีอยู่ทั้งหมด 3 ล้านคน โดยจะเจาะกลุ่มเฉพาะระดับบน (Top Tier) ที่มีสัดส่วนราว 3 หมื่นคน ตั้งเป้าว่าจะต้องให้เกิดการเดินทางมาเพื่อรับบริการจริงราว 10% หรือ 3,000 คน ทั้งนี้จะดำเนินการผ่าน 2 ส่วนคือ เชิญผู้ถือบัตรระดับแพลตินั่ม ไปร่วมกิจกรรมในงาน เพื่อซื้อแพ็คเกจโปรแกรมบริการสุขภาพและความงาม และร่วมจัดแคมเปญการตลาดออนไลน์เพื่อขายแพ็คเกจสุขภาพทางช่องทางต่างๆ ของรอยัลออร์คิดพลัส ด้วย