ผลประกอบการบริษัทหนุนดาวโจนส์ทำนิวไฮ

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (27ก.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์  ปรับตัวขึ้น 85.54 จุดหรือ 0.39% ปิดที่ 21,796.55 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลง 2.41 จุดหรือ 0.10% ปิดที่ 2,475.42 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วง  40.56 จุดหรือ 0.63 % ปิดที่ 6,382.19 จุด

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด ขณะที่หุ้นโบอิ้งทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก รวมถึงราคาหุ้นเฟซบุ๊ค ที่ทะยานขึ้นมากกว่า 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากยอดขายโฆษณาวิดีโอบนมือถือ

ทั้งนี้ เฟซบุ๊ค เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.32 ดอลลาร์๖๋ฮหุ้น พุ่งขึ้น 69% เทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.13 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 9.32 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 45% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.2 พันล้านดอลลาร์

รายได้จากโฆษณาบนมือถือ คิดเป็นสัดส่วน 87% ของรายได้จากโฆษณาทั้งหมดในไตรมาส 2 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 84% ของไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว

ส่วนพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยกำไร และยอดขายในเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยพีแอนด์จี เปิดเผยกำไรที่ระดับ 85 เซนต์ต่อหุ้น โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 78 เซนต์ต่อหุ้น

นอกจากนี้ พีแอนด์จี ยังเปิดเผยยอดขายที่ระดับ 1.608 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.602 หมื่นล้านดอลลาร์

ด้านบริษัทคอมแคสต์ รายงานตัวเลขกำไร และรายได้ประจำไตรมาส 2 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีกำไร 52 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 48 เซนต์ต่อหุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 2.117 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.086 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนบริษัทเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น รายงานตัวเลขรายได้ในไตรมาส 2 ที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ เวอไรซอน เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 96 เซนต์ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และมีรายได้ที่ระดับ 3.055 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.991 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนมิ.ย. โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% หลังจากร่วงลง 0.1% ในเดือนพ.ค.