'IFEC' วุ่นไม่จบ

ความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ระหว่าง ‘ทวิช เตชะนาวากุล ‘กับ ‘หมอวิชัย ถาวรวัฒนยงค์’ ทำให้รายย่อยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะไปลงเอยแบบไหน เพราะทุกวันนี้หุ้นยังถูกห้ามการซื้อขาย (SP) มานานเกือบ 5 เดือน เพราะยังไม่สามารถแต่งตั้งกรรมการมาดำรงตำแหน่งได้ตามที่ตลาดหลักทรีพย์กำหนด ทำให้ไม่สามารถลงนามในวาระต่างๆ ด้วยปัญหาผู้ถือหุ้นใหญ่สองราย

แม้ว่าจุดบ่อเกิดของปัญหาที่จะเกิดจากปัจจัยหรือสาเหตุอะไรก็ตามที แต่ก็ได้ทำให้ IFEC กลายเป็ดง่อยโดยปริยาย เริ่มตั้งแต่การออกมาแฉถึงความไม่โปร่งใส่ในการทำธุรกิจจากที่ทำธุรกิจพลังงานทดแทน กลับประกาศซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวี พร้อมรับหนี้เข้ามา 3,500 ล้านบาท ดีลนี้มีการมองกันว่าจะทำให้มีความเสี่ยงเพราะจะกระทบกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคตได้ ต่อด้วยความขัดแย้งของหมอวิชัย กับ สิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ที่นั่งแท่นผู้บริหารจนลาออกไปในที่สุดและกลายเป็นปมใหญ่ เมื่อมีการถ่ายเทหุ้นของหมอ วิชัย ไปให้ ทวิช จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัทไปแทน

ข้อมูลปิดสมุดพักโอนหุ้น (20 เม.ย.) ทวิช ถือหุ้น อันดับ 1 จำนวน 202 ล้านหุ้น หรือ 10.03 % ส่วนหมอวิชัย ถือหุ้น อันดับ 3 จำนวน 57.8 ล้านหุ้น หรือ 2.86 % ดังนั้นเมื่อมีการประชุมผู้ถือหุ้นช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาจึงเกิดเหตุกาณ์ปะทะกันของสองกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่จนการประชุมผู้ถือหุ้นไม่สามารถจบลงได้ และไม่สามารถแต่งตั้งกรรมการได้ตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้น จนมีปัญหามากมายตามมาหลังจากนั้น

ทั้งการฟ้องร้องในไปมาในคดีอาญากรณีจัดประชุมแบบผิดกฎหมาย ไม่มีกรรมการที่มีอำนาจตามกระทรวงพาณิชย์รับรองครบจำนวน เพราะเป็นการเลือกตั้งกรรมการวิธี Cumulative Voting เข้าข่ายมิชอบด้วยกฎหมาย งบการเงินไม่ได้รับการรับรอง ตั้งแต่งบไตรมาส 4 /59 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เข้าข่ายอาจจะถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทให้ตลาดหลักทรัพย์ได้ หากไม่มีกรรมการตรวจสอบภายและได้รับการรับรองถูกกฎหมายภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2560

บรรดารายย่อยต่างร่วมกันทำหนังสือให้ชี้แจงเรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการ คณะกรรมการตรวจสอบ และเลขานุการ ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ รวมไปถึงให้ทำหนังสือขอผ่อนผันไม่ให้เข้าเกณฑ์ถูกพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์ อีกด้วย

วาระที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องมาคอยลุ้นอีกกับการประกาศประมูลขายหุ้น IFEC ของ 3 โบรก วันที่ 31 กรกฎาคม นี้ที่ โรงแรม อโนมา เวลา 10.00 น. ว่า จะมีใครใจกล้าเข้ามาเป็นมือที่สามอีกรายในปัญหาของบริษัทนี้อีกไหม

จากที่กลุ่มโบรกนำหุ้นมาประมูลขายในครั้งนี้มีจำนวน 57.50 ล้านหุ้น เป็นหุ้นของหมอวิชัยเอง ที่นำไปจดจำนองกับโบรกเกอร์ เมื่อไม่สามารถขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้จำเป็นต้องมาขายนอกตลาดแบบนี้ โดยกำหนดราคาขายที่ 3.10 บาทต่อหุ้น และจะขยับราคาลงครั้งละ 0.02 บาทต่อหุ้น โดยโบรกเกอร์ ที่นำมาประมูลขาย ประกอบ บล.เคทีบี จำนวน 3.9 ล้านหุ้น เป็นเงิน 12 ล้านบาท ,บล. เมย์แบงก์ อิมเอ็ง (ประเทศไทย) 22.77 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 70 ล้านบาท และ บล.ทรีนีตี้ 30.78 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 95.4 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงิน 177.4 ล้านบาท

โดยผู้ที่เข้าร่วมประมูลต้องมีการวางหลักประกันเป็นแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายให้กับ 3 โบรกเกอร์ ส่วนบล.เคบีที วางหลักประกัน 1.5 ล้านบาท บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) 7.5 ล้านบาท และ บล.ทรีนีตี้ 10 ล้านบาท ด้วยมูลค่าเงินที่ต้องใช้เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ทำให้แทบจะมองไม่เห็นทางเลยว่าจะมีใครกล้ายื่นมาอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวในหุ้นนี้หรือไม่

ยกเว้นผู้ถือหุ้นใหญ่สองฝ่ายที่มีปัญหากัน จะมายกมือไล่ราคาซื้อกันเองเพื่อจะได้เสียงส่วนใหญ่แบบเบ็ดเสร็จในการบริหารงาน หรือไม่ก็อาจะไม่มีใครมายกมือไล่ราคากันเลย แล้วไปตกลงราคากันเองแต่จะเป็นใครที่เอาหุ้นก้อนนี้ไปต้องเจอปัญหาที่ยื้ดเยื้อไปอีกนาน