จับสองสามีภรรยาแก๊งทำทะเบียนปลอม อ้างรับจ้างแหล่งจำนำรถทั่วประเทศทำทะเบียนและสมุดคู่มือปลอม มีลูกค้านิยมรถหรูแต่ราคาถูกซื้อไปใช้เพียบ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 กรกฎาคม ที่หน้า สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ต.สมเจตน์ ธรรมบุตร สว.ส.ทท.5 กก.3 บก.ทท. และทหาร มทบ.24 ร่วมกันแถลงข่าวการยึดรถยนต์เก๋งหรู และรถปิกอัพ สวมทะเบียนปลอม 18 คัน รถจักรยานยนต์ 35 คัน เล่มทะเบียนรถยนต์ปลอม คัน ป้ายเสียภาษีปลอม
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา พ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจ และทหาร บุกค้นบ้านเลขที่ 59/287 หมู่บ้านร่มเย็น ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี จับกุม จ.ท.พศ โภคินอัคร อายุ 28 ปี สังกัดหน่วยทหารแห่งหนึ่ง นางกมลชนก โภคินอัคร อายุ 29 ปี สามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ 8 ต.เพ็ญ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี น.ส.วรรณภา ดีมั่น อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 2 ต.โพนทอง อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย และนายกฤษดา แสงโยธา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266 หมู่ 4 ต.บ้านต้าย อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
พร้อมของกลาง ป้ายทะเบียนปลอม ขจ 2329 สงขลา ประทับตรา “ขส”มุมขวาล่าง 2 แผ่น จ่าหน้าซองส่งคุณเบญจวรรณ ยูโซ๊ะ ที่ว่าการอำเภอจะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส 96220 แผ่นป้ายทะเบียนปลอม 1 ฒษ 1551 กรุงเทพมหานคร ประทับตรา “ขส” มุมขวาล่าง 2 แผ่น ป้ายทะเบียนปลอม ษก 5122 กรุงเทพมหานคร ประทับตรา “ขส” มุมขวาล่าง 2 แผ่น หนังสือรวบรวมข้อมูลรถยนต์ทั่วประเทศ 2 เล่ม คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ปริ๊นเตอร์ 5 เครื่อง มือถือ 10 เครื่อง แทปเล็ต 1 เครื่อง ซิมการ์ด 8 อัน ใบแสดงการชำระภาษีประจำปี 2560 ปลอมจำนวนมาก แจ้งข้อหา “ใช้หรืออ้างเอกสารทางราชการปลอม” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี ตามกฎหมาย
จากการสอบสวน จ.ท.พศ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากแหล่งรับจำนำรถยนต์ทั่วประเทศ ให้ปลอมแปลงป้ายทะเบียน คู่มือการจดทะเบียน และใบแสดงการชำระภาษี หรือป้ายวงกลม จะได้ค่าจ้างทำป้ายทะเบียนปลอมคู่ละ 3,000 บาท คู่มือการจดทะเบียน เล่มละ 4,000 บาท ป้ายการเสียภาษีแผ่นละ 1,000 บาท ส่งให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ โดยจะเสนอขายรถทางเฟสบุ๊ค เมื่อมีลูกค้าสนใจซื้อ ก็จะโหลดข้อมูลประวัติรถยนต์มาจากเว็บไซด์สำนักงานขนส่ง ที่รุ่นและสีเหมือนกัน ปลอมสมุดคู่มือ ทะเบียน ป้ายเสียภาษีปลอมสวมรถคันที่จะขาย ทำให้มีรถยนต์ยี่ห้อ สี หมายเลขทะเบียน เหมือนกัน 2 คัน หรือเรียกว่ารถแฝด จะมีคันที่ถูกต้องตามกฎหมาย 1 คัน และรถสวมทะเบียน 1 คัน วิ่งอยู่บนท้องถนน
ซึ่งลูกค้าที่มาซื้อรถยนต์จากแหล่งรับจำนำรถ ต่างก็รู้ดีว่าเป็นรถสวมทะเบียน แต่พอใจซื้อไปใช้เนื่องจากราคาถูก เช่นรถเบนซ์ E 250 CGI ซื้อขายราคาเพียงคันละ 6.5 แสนบาท รถกระบะ 4 ประตู 4 แสนบาท รถเก๋ง 2-3 แสนบาท ลูกค้าส่วนมากจะมีทุกอาชีพ ทั้งข้าราชการ และเอกชน แต่เมื่อซื้อไปแล้วจะไม่สามารถต่อทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือที่ตรวจสภาพรถเอกชน เนื่องจากหมายเลขแชสซี เลขตัวถัง จะไม่ตรงกับสมุดคู่มือของจริง แต่แก๊งรับจำนำรถนี้จะรับต่อทะเบียนให้ โดยให้ทาง จ.ท.พศ เป็นผู้รับต่อทะเบียนปลอม จากเครื่องมือทันสมัยที่มีครบ จนสามารถปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ ออกมาได้ ซึ่งตั้งแต่จับกุม จ.ท.พศฯ ทางตำรวจได้ออกติดตามรถสวมทะเบียนจากผู้ซื้อในภาคอีสานและกรุงเทพมหานคร จำนวน 18 คัน มูลค่า 50 ล้านบาท
ซึ่งทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้ซื้อและครอบครองรถข้อหา “ปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการปลอม และรับของโจร” ส่วนป้ายทะเบียนปลอมที่ตรวจยึดได้จะส่งไปภาคใต้ ทางตำรวจกำลังสืบสวนว่า จะมีส่วนในการปลอมทะเบียนรถไปใช้ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่
พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เช้ามืดวันนี้ พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกาม ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี ทหาร มทบ.24 เข้าตรวจค้นแหล่งรับจำนำรถ เลขที่ 369/1 หมู่ 1 ซอยหนองบัว 3 เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบนายไตรรัตน์ ตั้งดวงดี อายุ 54 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน นำตรวจค้น พบรถยนต์ 4 คัน จักรยานยนต์ 35 คัน จอดอยู่ภายในบ้าน โดยรถทุกคันมีหลักฐานมาแสดง ซึ่งนายไตรรัตน์ฯ ให้การว่า เคยไปทำงานต่างประเทศ เมื่อกลับมาบ้าน มีเพื่อนซึ่งเดือดร้อนเรื่องเงิน นำรถยนต์มาจำนำ จึงได้ช่วยเหลือเพื่อนโดยไม่ได้คิดดอกเบี้ย
ต่อมาเพื่อนได้แนะนำคนรู้จักที่เดือดร้อนเรื่องเงิน นำรถมาจำนำกับตน ลักษณะปากต่อปาก กิจการจึงขยายขึ้น รถยนต์คันละ 5-8 หมื่นบาท รถจักรยานยนต์ 5,000-25,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยรถทุกคันมีหลักฐานมาแสดง และไม่เคยนำรถไปขายต่อ และให้เจ้าของรถผ่อนส่งจนกว่าจะหมดและรับรถกลับคืนไป แต่ยอมรับว่าทำกิจการไม่มีใบอนุญาตรับจำนำ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด” และจำได้นำส่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์คืนเจ้าของ หรือผู้ครอบครองต่อไป
