Retail Market Monitor (26 ก.ค.60)

Retail Market Monitor (26 ก.ค.60)

การฟื้นของราคาน้ำมันจะทำให้นักลงทุนมองข้ามขาดทุนของกลุ่มพลังงาน

ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวดีจากประเด็นที่เราอัพเดตไปวานนี้ คือ 1) ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด 2) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น จากการที่ซาอุดิอาระเบียจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบอยู่ที่ 6.6 ล้านบาร์เรล/วัน ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นเกินกว่าราคาปิด WTI ณ สิ้นไตรมาส 2/60 ที่ 46.02 เหรียญ/บาร์เรล แม้จะยังต่ำกว่าราคาปิด ณ สิ้นไตรมาส 1/60 ที่ 50.25 เหรียญ/บาร์เรล แต่ก็มีส่วนช่วยต่อหุ้นไทย โดยทำให้นักลงทุนมองข้ามขาดทุนของหุ้นกลุ่มพลังงานที่กำลังจะประกาศงบในช่วงนี้ทำให้หุ้นใหญ่ในกลุ่มปตท.ปรับตัวขึ้นเด่นผลักดันตลาดวานนี้ ซึ่งจะมีส่วนชักต่อบรรยากาศเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่วันนี้ติดตามการประกาศงบของ SCC ซึ่งแม้งบไตรมาสนี้ลดลง YoY แต่ยังมีแนวโน้มเติบโต QoQ ทำให้เรามองอาจมีแรงซื้อกลับหลังประกาศงบแล้วในช่วงเที่ยง ทั้งนี้เมื่อรวมกับกลุ่มธนาคารที่มีโอกาสฟื้นตัวหลังมีแรงทำกำไรลดลงราว 5-6% หลังประกาศผลประกอบการ เราให้น้ำหนักตลาดมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1590-1600 จุดในรอบนี้ โดยประเมินการประชุม FOMC คืนนี้ ไม่มีถ้อยแถลงสำคัญที่กระทบต่อตลาด

ทั้งนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการเสี่ยงซื้อหุ้นในกลุ่มที่ PER สูง โดยเฉพาะร.พ.หลัก แต่สามารถเลือกร.พ.ในประเทศซึ่งผลการดำเนินงานเข้าสู่ high season ในช่วงไตรมาส 3/60 อาทิ BCH, CHG เรามองหาจังหวะทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร บันเทิง โรงแรม และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ได้แก่ SCB, KBANK, MONO, ERW, MINT, TK*, TSR, AMANAH*, GCAP*, SIMAT การเก็งกำไรเน้นเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ SCC, SCB, TK* //เก็งกำไร CRANE*, PDG*

ประเด็นการลงทุน

เงินบาทแข็งค่า - ธปท.สั่งจับตาค่าเงินบาทใกล้ชิด หลังแข็งค่าค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ต้นปีแข็งขึ้นกว่า 7% สูงสุดเป็นอันดับสอง รองจากเกาหลีใต้ จากการอ่อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ บวกกับเงินทุนไหลเข้าโดยตรงของภาคธุรกิจ พร้อมแนะเอกชนป้องกันความเสี่ยงเพื่อรองรับความผันผวนตลาดการเงินโลกที่อยู่ในระดับสูง นักบริหารเงินแนะจับตาผลการประชุมเฟด

รับเหมา - ครม.ไฟเขียวโครงการรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ แสนล้าน รฟม.เตรียมหั่นสัญญางานโยธา 5 สัญญา เปิดประมูลเดือน ต.ค. นี้ คมนาคมศึกษาการรวบสัญญางานโยธาและเดินรถสายสีส้ม ประมูลแบบพีพีพี หวังลดภาระรัฐบาล ทั้งนี้การเปิดประมูลโครงการอย่างต่อเนื่องจะเริ่มส่งผลบวกต่อรายได้ในช่วงต้นปี 2561 เป็นต้นไป และทำให้จิตวิทยากลุ่มรับเหมาดีขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ เรามองทอยยสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา หรือซื้อหลังประกาศผลประกอบการ โดยชอบ CK และ STEC

ลอยตัว LPG – นสพ.รายงานประชาชนกังวล ประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เต็มรูปแบบในวันที่ 1 ส.ค.นี้ อาจส่งผลกระทบทำให้ราคาขายปลีกปรับขึ้น ทั้งนี้แนวโน้มราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกขณะนี้อยู่ โดยเดือน ก.ค. อยู่ที่ 355 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ลดลง 32.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ /ตัน จากเดืนก่อนหน้า

ยาง - บริษัทจดทะเบียน (บจ.) 2 รายที่ทำธุรกิจส่งออกและผลิตยางพารา รายใหญ่ของประเทศ TRUBB และ STA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้เข้าร่วมกันเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราไทย ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรการขับเคลื่อนการสร้างเสถียรภาพราคายาง

ประเด็นติดตาม: 26 ก.ค. – งบ SCC, ประชุม FOMC สหรัฐฯ / 27 ก.ค. – งบ PTTEP, ADVANC / 1 ส.ค. – เปิดเสรี LPG / 10 ส.ค. – เปิดซองประมูลรางคู่ / 25 ส.ค. – ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว

แนวรับ 1575/แนวต้าน : 1590-1600 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)



หุ้นแนะนำ

• SCC (600) : เราคาบริษัทมีโอกาสรายงานกำไรไตรมาส 2/60 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท และคาดทำให้มีแรงซื้อกลับ

• SCB (172) : ราคากลุ่มธนาคารมีโอกาสฟื้นตัวหลังแรงทำกำไรจากงบไตรมาส 2/60 ซึ่งโดยรวมออกมาตามคาด ขณะที่กลุ่มธนาคารโอกาสถูก re-rate ขึ้นจาก GDP ที่ดีขึ้นและ NPL ที่ชะลอตัวลง

• TK* (13): ซื้อขายที่เพียง PER 11 เท่า ปันผล 4.3% ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและราคาสินค้าเกษตร บริษัทปรับเป้าการปล่อยกู้ขึ้นเป็น 10% จาก 5%

• ประเด็นลงทุน: CRANE* (โฟกัสการให้เช่าเครนขนาดใหญ่ที่มีอัตราการทำกำไรดี ขณะที่รุกเข้าสู่ธุรกิจทำเสาเข็มเจาะ โดยปัจจุบันมีกำลังการรับงาน 80% ของ PYLON) / PDG* (คาดธุรกิจ PET ได้อานิสงค์จากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่กว้างขึ้น และราคาปิโตรเลียมที่ทรงตัว)