ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 35/2560 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 ระบุว่า

ตามที่มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ นั้น โดยที่หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เนื่องจากถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าใช้ตําแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายจากการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีมูลอันสมควรตรวจสอบตามที่องค์กรซึ่งมีอํานาจหน้าที่ตรวจสอบรายงานพฤติการณ์และเสนอเรื่องมาจึงจําเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและกําหนดมาตรการบางอย่างเพิ่มเติม

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ผู้บริหารสถานศึกษา ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว

ข้อ ๒ ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๒ ข้าราชการพลเรือน และผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ พนักงานอื่นของรัฐ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจําหน่วยงานนั้นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย

ข้อ ๓ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๔ ผู้บริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

ข้อ ๔ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๕ ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม

ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้

ข้อ ๕ นอกจากการระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิม หรือการไปช่วยราชการตามที่กําหนดในข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ แล้ว ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ถึงกลุ่มที่ ๕ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับแต่งตั้งอันเนื่องจากการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตําแหน่งเดิมทั้งหมดด้วย

ข้อ ๖ ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุแห่งการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ถึงกลุ่มที่ ๕ ให้หน่วยงานทราบเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ศอตช. เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นหรือเพื่อดําเนินการทางวินัยต่อไป ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น แล้วแต่กรณี เพื่อขยายเวลาได้ตามความจําเป็น

ข้อ ๗ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ ๖ หากไม่พบว่ามีการกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดําเนินการทางวินัยให้ผู้บังคับบัญชาสรุปผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วแจ้งให้ศอตช. ทราบ ในการนี้ ให้ประธาน ศอตช. แต่งตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นข้าราชการ ไม่มีข้อขัดแย้งหรือส่วนได้เสียกับบุคคลหรือเร่ืองที่มีการกล่าวหา และไม่เคยเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อนมีจํานวน ๓ ถึง ๕ คน เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกตรวจสอบกับรายงานหรือพยานหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง และให้มีอํานาจเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคําได้ โดยคณะบุคคลดังกล่าวอาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกตรวจสอบแต่ละรายหรือหลายรายพร้อมกันก็ได้

ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาถูกต้องแล้ว หรือไม่มีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ

ในกรณีที่ผลการตรวจสอบไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชา และมีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลง ให้สรุปพยานหลักฐานที่มีอยู่และหารือร่วมกับผู้บังคับบัญชาแล้วให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามผลการหารือ โดยถือว่าการดําเนินการตามคําสั่งนี้ทุกขั้นตอนเป็นการดําเนินการทางวินัย โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับข้าราชการนั้น ๆ แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกตรวจสอบจะอุทธรณ์ต่อไปตามกฎหมาย หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดอาญาให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ข้อ ๘ เมื่อได้ดําเนินการตามข้อ ๗ แล้ว ในกรณีไม่ปรากฏว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความบกพร่องใด ๆ ในการปฏิบัติงาน หรือไม่มีมูลความผิดทางวินัยหรือความผิดอาญาหรือมีความผิดวินัยแต่มิใช่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงมีเหตุอันควรงดโทษหรือรับโทษสถานเบาขั้นภาคทัณฑ์ ให้เยียวยา โดยให้ผู้ถูกตรวจสอบไปดํารงตําแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิม ยกเว้นผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๔ และกลุ่มที่ ๕ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ให้กลับไปดํารงตําแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ทั้งนี้ ศอตช. อาจมีคําแนะนําการเยียวยาด้วยก็ได้ โดยคํานึงถึงข้อมูลความเหมาะสมเกี่ยวกับตําแหน่งหน้าที่และพื้นที่ใหม่ การให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกตรวจสอบ และประโยชน์ของทางราชการประกอบกัน

ข้อ ๙ ในกรณีจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่ง หากปรากฏว่าผู้มีรายชื่อตามคําสั่งยังคงถูกดําเนินการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้ ศอตช. รอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนกว่าจะแล้วเสร็จหรือได้รับแจ้งให้ดําเนินการเยียวยาไปก่อนได้ จึงจะสามารถเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคําสั่งได้

เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการในกรณีของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ พนักงานอื่นของรัฐ คําว่า ผู้บังคับบัญชา ให้หมายถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และคําว่า รัฐมนตรี ให้หมายถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง สําหรับผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๔ ผู้บริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คําว่า ผู้บังคับบัญชา ให้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง และคําว่า รัฐมนตรี ให้หมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีเยียวยาบุคคลดังกล่าว ซึ่งไม่อาจไปดํารงตําแหน่งอื่นนอกพื้นที่ได้นายกรัฐมนตรีอาจเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้โดยให้ไปปฏิบัติงานในตําแหน่งเดิมได้

ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ชื่อและตําแหน่งของผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไม่ตรงตามทะเบียนประวัติของทางราชการแต่เห็นได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน

ข้อ ๑๑ การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่าง ๆ ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ

ข้อ ๑๒ ในกรณีมีปัญหาให้องค์กรบริหารงานบุคคลกลางที่เกี่ยวข้องกับผู้มีรายชื่อตามคําสั่งเสนอปัญหาและแนวทางดําเนินการให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

ข้อ ๑๓ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคําสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร

ข้อ ๑๔ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9

ประกาศรายชื่อ จนท.รัฐ ถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9