191 บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน

191 บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน

ตำรวจ 191 บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน เช่าคอนโดหรูกลางกรุงโทรตุ๋นเหยื่อมาเลเซียสูญเงินหลายล้าน

ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต. อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผบก.สปพ. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหากระทำความผิดจำนวน 9 ราย นาย ชิ เชียง นาน (Mr.SHIH CHING NAN) อายุ 51 ปี สัญชาติจีนไต้หวัน หัวหน้าแก๊ง นาย หลิว ซิน เห่วย (Mr.LIU TZIN WEI) อายุ 18 ปี นายอีสเมน ออง ไค เซียง (Mr.SMEN ONG KHAI ZHENG) อายุ27 ปี น.ส.ฮอง ชอย ยี (Miss.HONG CHOY YEE) อายุ 37 ปี น.ส.เตีย ไอ เชีย (Miss.TEOH AI CHIA) อายุ 36 ปี นายวอง ชิน ฟอง (Mr.WONG CHIN FONG) อายุ 33 ปี นายยอง ไค ลอง (Mr.YONG KAI LOONG) อายุ 38 ปี นายลี ชี เสง (Mr.LEE CHEE SENG) อายุ 29 ปี นายวุน เต๊ก เคียน (Mr.WOON TEK KEAN) อายุ 27 ปี

พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 7 เครื่อง เราท์เตอร์ยี่ห้อ TP-LINK ชนิดซิมส์การ์ด พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงจำนวน 7 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 35 เครื่อง ลำโพงพร้อมเสียง สำหรับสร้างบรรยากาศคล้ายสถานที่ติดต่อราชการ จำนวน 1 ชุด เอกสารข้อมูลธนาคาร หน่วยงานราชการ เศษคีย์บอร์ดเปล่า และไมโครโฟน จำนวน 7 ชุด สคริปต์บทสนทนา สำหรับใช้หลอกลวงผู้เสียหาย จำนวน 7 ชุด สามารถจับกุมได้ที่บริเวณคอนโดหนูย่านสุขุมวิทซอย 8

พล.ต.ต.สรุเชษฐ์ กล่าวว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ได้เช่าคอนโดหรูย่านซอยสุขุมวิท 8 เพื่อเป็นที่ทำการ ลักษณะห้องที่เช่าจะมีลักษณะปิด มีการนำสิริโคลนและเทปกาวมาติดขอบประตูเพื่อกันเสียง นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดเพื่อดูผู้เข้าออก ทั้งนี้มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย โดยจะใช้วิธีโทรศัพท์แจ้งข้อมูลล่อลวงให้ชาวมาเลเซียหลงเชื่อเพื่อโอนเงินให้กับกลุ่มผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 3เดือนจึงสามารถข้อหมายศาลและเข้าตรวจค้นจนสามารถจับกุมพร้อมข้องกลางได้ในที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.สำราญ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดอาศัยอยู่ในคอนโดดังกล่าวจากการเฝ้าติดตามาสังเกตการณ์นานกว่า 3 เดือน พบว่าห้องดังกล่าวมีการทำประตูถึง 2 ชั้นเพื่อนป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ และมีการผลัดเปลี่ยนกับเป็นเวลาในการเข้าทำงานดังกล่าว มีหน้าที่ในการใช้สายโทรศัพท์ออนไลน์ ผ่านอินเตอร์เน็ตต่อผ่านเราท์เตอร์ซึ่งเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วยซิมการ์ด โทรศัพท์ออนไลน์ข้ามประเทศไปหาชาวต่างชาตโดยบุคคลที่เป็นเหยื่อส่วนใหญ่อาศัยอยู่ประเทศมาเลเซีย โดยข่มขู่และสมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ต้ารวจ เจ้าหน้าที่ของราชการประเทศนั้นๆ แจ้งให้เหยื่อทราบว่ามีความเกี่ยวพันกับคดีอาญา ยาเสพติด คดีการฟอกเงิน เพื่อกรรโชกเอาข้อมูลส่วนบุคคล จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อไปโอนเงินเพื่อชำระเงินค่าธรรมเนียม หรือค่าเสียหายหรือภาษีที่เกิดขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากคดีความ

โดย นาย ชิ เชียง นาน ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นหัวหน้าทำหน้าที่ควบคุมการท้างานของทีมงานแต่ละโต๊ะ ขณะที่ลูกทีมใช้ไมโครโฟนพูดอยู่กับเหยื่อเพื่อพูดล่อลวงก็ยังมีการเปิดเสียงสร้างบรรยากาศการทำงาน หลอกลวงคล้ายออฟฟิศของทางราชการ เพื่อเหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นหน่วยงานราชการที่ติดต่อไปจริง มีการโอนสายไป มาสมอ้างกันเป็นองค์กร แยกเป็นแผนกต่างๆมีหน้าที่แตกต่างกันในการข่มขู่กรรโชก และหลอกลวงเอาข้อมูล หรือ การหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่ได้เตรียมไว้ผ่านทางการทำธุรกรรมหน้าตู้ATM หรือวิธีการคล้ายกันที่ตู้ฝากเงินสด ในลักษณะแก๊งค์คอลล์เซนเตอร์ หรือการหลอกลวงแบบ ATM Game โดยทั้งหมดมีรายได้จากการทำประมาณเดือนละประมาณ 20,000,000 บาท

ทั้งนี้มี น.ส.ฮอง ชอย ยี ผู้ต้องหา ที่ 4 เป็นผู้เช่าห้องคอนโดหรูดังกล่าว ในราคาเดือนละ 75,000 บาท ทำสัญญาเช่า 1 ปี โดยเหตุที่เลือกเช่าคอนโดหรูราคาแพงเนื่องจากส่วนมาก นิติบุคคล คอนโดหรูราคาแพงมักจะปกป้องไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงสภาพ ห้องให้เข้าถึงยาก ติดแผ่นซับเสียงติดฟิล์มมืด ติดกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่าผู้ใดจะเข้ามาในห้อง เพื่อเลี่ยงการถูกตรวจค้นจับกุมจากเจ้าหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตามได้ประสานงานกับทาง สตม.ขึ้นบัญชีดำ เพิกถอนวีซ่า และ ประสานงานสถานทูตมาเลเซียประจ้าประเทศไทย ให้ตรวจสอบข้อมูลผู้เสียหาย และรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด