เทรนด์มวยไทย คุณได้ไปต่อ
มากไปกว่ากีฬาคือกลยุทธ์ธุรกิจ และนี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เทรนด์มวยไทยยังคงความนิยม
เปิดค่ายมวยหรือทำยิมมวยไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะทำอย่างไรให้สังกัดของตนอยู่รอดและไปต่อได้ยาวๆ คือคำถามที่ไม่มีเอาท์
ถ้าเป็นค่ายมวยแบบดั้งเดิม แน่นอนว่ารายได้มาจากการขึ้นชก โครงการวิจัยและติดตามกลุ่มนักมวยเด็ก คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยสำรวจและสรุปผลตอนหนึ่งว่า จำนวนค่ายมวยในประเทศนั้นมีมาก ทั้งหมดกระจายอยู่ในทุกจังหวัด พวกเขาจะซื้อตัวและสร้างนักมวยตั้งแต่เด็กไม่ต่างจากผลผลิตจากบริษัท จากนั้นจะส่งขึ้นชกเวทีต่างๆเพื่อแลกกับเงินรางวัล
ส่วนยิมมวยไทยสมัยใหม่ ไม่ได้เข้าข่ายแบบข้างต้น พวกเขาทำธุรกิจวางกลยุทธ์ผสมผสานระหว่างค่ายมวยดั้งเดิมกับยิมฟิตเนสออกกำลังกาย แต่ละแห่งจะมีเทรนเนอร์สอนมวยไทย มีคลาสสอนแบบเดียวกับเล่นโยคะหรือเต้นแอโรบิค ขณะเดียวกันก็ลบข้อด้อยที่มีในค่ายมวยแบบเก่าให้กลายเป็นจุดเด่น เน้นเรื่องความสะอาด ความสะดวกสบาย โดยมีค่าเรียนอัตราเฉลี่ยคอร์สละ 4,000-5,000 บาท จำนวน 12- 15 ครั้ง มีโปรโมชั่นล่อใจลูกค้า และทั้งหมดที่ว่าคือเทรนด์และธุรกิจที่ยังโตท่ามกลางกระแสรักสุขภาพตลอดช่วงหลายปีหลัง
นักมวยสายผอม
ค่ายมวยแบบเก่ามีเป้าหมายที่ความเป็นเลิศของนักมวยในสังกัด ผิดกับเป้าหมายของยิมแบบใหม่ ที่สร้างความหมายให้ “มวยไทย” ใหม่ นั่นคือการฟังก์ชั่นหนึ่งของการออกกำลังกายลดน้ำหนัก จากนั้นถ้าฝึกนานหน่อยถึงจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย และค่อยสามารถใช้เป็นเครื่องป้องกันตัวได้จริงๆ
การค้นคว้าอิสระเรื่อง “สถาบันโยคะและมวยไทย” ของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ระบุตอนหนึ่งว่า ผู้ที่เลือกมาฝึกยังสถาบันมวยไทยส่วนใหญ่ต้องการมีสุขภาพแข็งแรงเป็นลำดับแรก รองลงมาคือการลดน้ำหนักและดูแลรูปร่าง จากนั้นคือการผ่อนคลายความเครียด
พิชญ์ เหล่าศรีศักดากุล ผู้บริหาร FITFAC MUAY THAI ยิมมวยที่กำลังเปิดสาขาย่อยกว่า 10 สาขาทั่วประเทศ บอกว่า ต่อให้มีฟิตเนสที่มีเซอร์วิสคลาสมวยไทยจำนวนไม่น้อยในตลาด แต่ธุรกิจยิมมวยไทยก็ยังไปได้ดีและมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะมวยไทยในความหมายของคนยุคปัจจุบันคือการดูแลรูปร่าง การลดความอ้วน ความดูดี และเมื่อไรก็ตามที่คนยังอยากผอมอยู่ นั่นหมายความว่าธุรกิจมวยก็คงไม่ตายจากไป
“มวยไทยมีประวัติศาสตร์ เป็นศิลปะป้องกันตัวที่แสดงความเป็นไทยนั่นคือความหมายแบบหนึ่ง แต่การทำยิมมวยไทยแบบใหม่คือการมองว่านี่คือ Solution (วิธีการ) ที่จะเบิร์นไขมันได้ดีที่สุด ดีกว่าวิ่งบนลู่ ดีกว่าโยคะ และเมื่อ 3 ปีก่อนที่เราเริ่มทำธุรกิจนี้ เรามองว่าธุรกิจฟิตเนสซึ่งเอามวยเป็นจุดแข็งยังไม่มีใครทำอย่างจริงจัง คือที่ผ่านมาอาจจะมีฟิตเนสที่มีคลาสมวยบ้าง แต่เราเน้นมวยไทยอย่างเดียว เอาเวทีมวยมาตั้งกลางฟิตเนสเลย ลูกค้าจะได้ชกมวยอย่างจริงจัง ฝึกกับครูมวยจริงๆ และเมื่อมันได้ผลเขาก็จะบอกต่อ”
แต่ก็อย่างที่บอกว่าฟิตเนสมวยไทยหรือค่ายมวยที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่นักมวยอาชีพได้เข้าไปร่วมฝึกไม่ใช่เรื่องใหม่ นับตั้งแต่การตลาด Martial arts หรือ ศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวแบบคนเอเชียโด่งดังขึ้นนำ นั่นก็นำมาซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการฝึกมวยไทย เช่นเดียวกับตามเมืองใหญ่ทั่วโลก ซึ่งจะเห็นสำนักฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบคนเอเชีย เช่น มวยไทย ยูโด เทควันโด หนาตามากขึ้น
เจ้าของค่ายมวยอาชีพรายหนึ่ง บอกว่า ค่ายมวยของเขาแยกชัดเจนระหว่างนักมวยอาชีพกับนักท่องเที่ยวหรือคนทั่วไปที่สนใจฝึกมวยไทย โดยนักมวยอาชีพจะกินนอนกับทางค่าย ขณะที่นักท่องเที่ยวจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายชั่วโมง ส่วนการสอนก็จะขึ้นอยู่กับผู้เรียนว่าต้องการรู้เรื่องอะไรบ้าง จริงจังกับมันแค่ไหน
“ถามว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาขอฝึกมวยด้วยไหม มันก็มีครับ มีมานานแล้ว แต่ตลาดกลุ่มนี้เอาแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะส่งมา อาจจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน หรือได้รับติดต่อมาจากกรุ๊ปทัวร์อีกทีหนึ่ง สำหรับค่ายมวยธรรมดาเราให้ความสำคัญเป็นเรื่องรอง เพราะเป้าหมายจริงๆ คือการปั้นนักมวยอยู่ และอีกอย่างถ้าต่างชาติต้องการฝึกมวยจริงๆ เขาจะมีข้อมูลอยู่แล้วว่าต้องไปที่ใด อาจไปค่ายใหญ่ๆ ซึ่งมีเทรนเนอร์ที่มีชื่อเสียง มีแชมป์ มีล่ามสื่อสารภาษาอังกฤษได้”
ชุบชีวิตอดีตแชมป์
นักมวยคนไหนยังพอมีพรรคพวกคงได้เป็นเทรนเนอร์ ใครมีดีกรีแชมป์ไม่แน่คงถูกต่างชาติดึงไปสร้างว่าที่แชมเปี้ยนใหม่คนใหม่ บางรายค้าขายทำธุรกิจ ทว่าถ้าไม่โลกสวยจนเกินไป คงต้องยอมรับว่าอดีตนักมวยที่การศึกษาไม่สูง เงินเก็บไม่พอ ไม่แคล้วจบที่อาชีพรับจ้างทั่วไป ขับวินมอเตอร์ไซค์ บ้างไปไกลขนาดพัวพันธุรกิจสีเทา
ยุคที่ยิมมวยไทยเปิดใหม่จำนวนมากเช่นทุกวันนี้ คือโอกาสเกิดใหม่ของบรรดาอดีตนักมวยผู้มากประสบการณ์ ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงจากนักมวยแท้ๆ สู่เทรนเนอร์ในยิมฟิตเนส เปลี่ยนบรรยากาศจากพื้นผ้าใบโทรมๆ เป็นห้องแอร์กลางใจเมือง
สมควร แพงมา เจ้าของฉายา ฟ้าแดง ส.บริการ บอกว่า หลังเลิกชกอาชีพ ก็เดินทางไปเป็นผู้ฝึกสอนหลายที่ จากนั้นก็กลับภูมิลำเนาไปทำนามานาน ก่อนจะได้โอกาสกลับมาสอนในยิมอีกครั้ง ดังนั้นจึงจริงแน่แท้ที่การเกิดขึ้นของยิมมวยไทยใหม่ๆ เป็นช่องทางอาชีพของอดีตนักมวยที่ไร้อาชีพ
“พอเลิกชกก็ไปสอนตามค่ายต่างๆ บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะไปเป็นช่วง ได้เงินเป็นจ็อบ พอแข่งจบก็แยกย้าย แต่พอมาทำที่ยิม เราได้เป็นเงินเดือน ก็ถือเป็นโอกาสให้นักมวยเก่าๆ มีงานทำ”
ขณะที่ “ครูดำ” โกริญ แข็งยืนยง บอกว่า อดีตนักมวยอาชีพที่ต้องผันตัวมาสอนในยิมแบบใหม่ต้องปรับวิธีคิดและการสอน เพราะกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาไม่มีพื้นฐานเรื่องมวยแบบในค่ายอาชีพ คนกลุ่มนี้ต้องการออกกำลังกายเพื่อความดูดีเป็นเป้าหมายสำคัญ เทรนเนอร์ต้องคอยบอก ดูความปลอดภัยและความดูดีกับนักเรียนให้ได้ ที่สำคัญคือต้องมีสไตล์การสอนที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้คนเรียนติดใจวนมาใช้บริการซ้ำ
นี่คือช่องโอกาสที่มาพร้อมกับเทรนด์ธุรกิจใหม่ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ จากการสำรวจพบว่าแม้จะฟิตเนสคลาสหรือยิมมวยแบบใหม่เกิดขึ้นมาก แต่การแข่งขันเพื่อเข้ามาเป็นเทรนเนอร์มีสูง บางที่รับเฉพาะนักมวยที่เคยผ่านสังเวียนจริงๆ มีการเช็คประวัติความประพฤติไม่ต่างจากพนักงานบริษัททั่วไป ทั้งนี้เพราะผู้ประกอบการต้องการความมั่นใจว่า นักมวยที่จะมาเป็นเทรนเนอร์ จะไม่ทำให้เสียชื่อแบรนด์ฟิตเนสยิม ที่ต้องดูดี มีสไตล์ ต่างจากค่ายมวยแบบเก่าที่เน้นฝีมือล้วนๆ
“บางที่รับอดีตนักมวยอายุ 45 ปีขึ้นไปด้วยซ้ำ คือแก่ๆ แต่ยังสอนได้อยู่ เพราะถ้าเอาหนุ่มๆ มา เดี่ยวลูกค้าจะบ่นว่าเจอครูมวยขี้หลี มีปัญหาเรื่องชู้สาวกันอีก การหาครูมวยที่มีทัศนคติกับยิมแบบใหม่จึงไม่ง่าย และต้องเอาพวกเขาให้อยู่” ผู้ประกอบการยิมมวยไทยคนหนึ่งบอก
ส่วนครู สลาม พันโดย หรือชื่อในวงการมวย “เพชรลำชีลูกลำผักชี” บอกเพิ่มเติมว่า เปรียบอาชีพนักมวยไม่ต่างจากหมาล่าเนื้อซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น เรี่ยวแรงและความว่องไวในการฝึกสอนนักมวยอาชีพลดลง จึงต้องผันตัวมาสอนในยิมฟิตเนส ที่จังหวะช้ากว่า ต้องการความคล่องแคล่วน้อยกว่า แต่มีการบ้านคือต้องออกแบบการเรียนให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจกลับไป ผสมผสานมวยกับการออกกำลังกายให้ได้
เทรนด์มวยไทย ยังไปได้
แน่นอนว่าธุรกิจยิมมวยไทยแบบใหม่ในภาพรวมยังไปได้สวย มีทีท่าจะขยายจากกรุงเทพไปสู่หัวเมืองใหญ่ๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันจากการสำรวจ คลาสมวยไทยในฟิตเนสยังคงเป็นคลาสแรกๆ ที่ผู้คนสนใจ เทียบเท่ากับโยคะ เต้นซุมบ้า
พิชญ์ ผู้บริหาร FITFAC MUAY THAI มองว่า ภาพรวมของธุรกิจนี้มีลักษณะการเทิร์นโอเวอร์ค่อนข้างสูง คนที่จะอยู่ได้นานจำเป็นต้องมีต้นทุนที่มากพอในระยะยาว และต้องมีจุดแข็งและแบรนด์ที่ทำให้คนจดจำได้ อย่างเช่น ยิมที่เธอบริหารอยู่ เน้นตั้งแต่ดีไซน์รูปลักษณ์ที่ต้องสลัดภาพอึมครึมของค่ายมวยแบบเก่า แล้วหันมาใช้ดีไซน์สดใส มีชีวิตชีวา จากนั้นก็เป็นเรื่องของความสะอาด ความสะดวกสบาย อยู่ในพิกัดที่สามารถเดินทางได้ง่าย ใกล้สถาบันศึกษาและที่ทำงาน
“ที่สำคัญคือต้องให้การบริการที่ยังคงความเป็นมวยไทยอยู่ คงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่งของมวยไทยไว้ เราจึงเข้มข้นในการคัดเลือกนักมวยเข้ามาทำงาน ไม่ใช่ลูกค้าเข้ามาเล่นแล้วไม่ได้ผล”
ส่วน วิชัย ราชานนท์ อดีตนักชกเหรีญรางวัลโอลิมปิคเกมส์ เจ้าของค่ายราชานนท์บ๊อกซิ่ง บอกว่า ธุรกิจและเทรนด์มวยไทยยังไปได้แน่ๆ และการเกิดขึ้นของธุรกิจยิมมวยแบบใหม่ ส่งสัญญาณให้ค่ายมวยแบบดั้งเดิมต้องปรับตัว โดยเฉพาะการหาตลาดคนทำงาน ชาวต่างชาติ หากต้องการส่วนแบ่งจากลูกค้ากลุ่มนี้
“เทรนด์มวยไทยทำให้ธุรกิจยิมมวยมีมากขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่นักมวยไปเปิด แต่เป็นธุรกิจ และเราก็ไม่ได้แข่งแค่ในประเทศอย่างเดียว อย่างประเทศจีนเขาก็มีค่าย มีการทำตลาดให้คนเข้าไปฝึก สร้างนักมวยใหม่ๆ ทั้งที่แข่งขันเป็นอาชีพ หรือเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนส”
วันนี้มวยไทยจึงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่มันเป็นเทรนด์ธุรกิจ คือภาพลักษณ์ และหนทางไปสู่ความดูดี สุขภาพดี
คุณถึงยังได้ไปต่อ