‘นายณ์เอสเตท’รุกกลางเมืองขยายแนวราบรับดีมานด์พุ่ง

‘นายณ์เอสเตท’รุกกลางเมืองขยายแนวราบรับดีมานด์พุ่ง

ซีบีอาร์อี ชี้อสังหาฯ ไฮเอนด์ดีมานด์สูง-ซัพพลายต่ำ “แนวราบ” เหลือขายสะสม 283 ยูนิต มูลค่า 8,000 ล้าน “นายณ์ เอสเตท” สบช่อง ส่ง “ควอเตอร์ 31” เจาะตลาด

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในเซ็กเมนท์แนวราบว่า ตลาดกลุ่มนี้มีดีมานด์สูง โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง ขณะที่ซัพพลายในตลาดมีจำนวนค่อนข้างน้อย โดยประเมินว่าสินค้าแนวราบระดับไฮเอนด์ในทำเลใจกลางเมืองที่ห่างจากโซนซีบีดี หรือศูนย์กลางธุรกิจ ไม่เกิน 5 กิโลเมตร มีจำนวนเหลือขายสะสมช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 283 ยูนิต มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 8,000 กว่าล้านบาท ส่วนกลุ่มบ้านที่อยู่รอบนอกเมือง คาดมีจำนวนรวมกว่า 500 ยูนิต

“ซัพพลายที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการเหลือค่อนข้างน้อย และมีราคาสูงจึงหาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการแนวราบได้ยาก”

ตัวอย่างเช่น โครงการที่อยู่อาศัยโซนสุขุมวิทตอนกลางที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในบริเวณซอยเลขคี่ ตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 21-55 ปัจจุบันมีราคาซื้อ-ขายประมาณ 5 แสน-1 ล้านบาทต่อตร.ว. สำหรับคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน ในเมือง ตลาดกลางราคาเฉลี่ย 1.5 แสนบาทต่อตร.ม.  ตลาดบนราคา 3-4  แสนบาทต่อตร.ม. ยังมีซัพพลายออกมาน้อย คาดว่าปีนี้ซัพพลายเซ็กเมนท์ดังกล่าวจะมีจำนวนไม่เกิน 7,000 ยูนิต เมื่อเทียบช่วง 2 ปีก่อน ที่มีจำนวน 8,000- 9,000 ยูนิต

ขณะเดียวกัน โครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี ได้การตอบรับที่ดีจึงทำให้ผู้ประกอบการหลายรายสนใจหันมาเจาะตลาดนี้มากขึ้น ทั้งยังพบว่าการอยู่อาศัยใจกลางเมืองส่วนใหญ่เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ใช้สอยเมื่อเทียบกับแนวราบ รวมถึงราคาสูงกว่า 2-3 เท่า

นายสุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับบนเน้นทำเลใจกลางเมือง 

“สินค้าที่เจาะตลาดบนถูกดูดซับไปค่อนข้างมากแล้ว โครงการของบริษัทมีการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นอย่างดี”

สำหรับการดำเนินงานขายของบริษัทในปัจจุบัน ประกอบด้วย โครงการพาร์ค พรีว่า พระราม 9-รัชดาภิเษก และโครงการคราม สุขุมวิท26 ที่ขายได้แล้วกว่า 70%  รวมถึงยังมีอีก 3 โครงการภายใต้แบรนด์ ควอเตอร์ คอลเลคชั่น ประกอบด้วย โครงการควอเตอร์ ทองหล่อ ที่ขายหมดแล้ว และเหลืออีก 2 โครงการ คือ ควอเตอร์ 31 ที่ขายแล้ว 41% จากจำนวนรวม 20 ยูนิต และควอเตอร์ 39 ที่ปัจจุบันขายแล้ว 75% จากจำนวนรวมทั้งสิ้น 15 ยูนิต ระดับราคาเริ่มต้นหลังละ 46.9 ล้านบาท ถึงราคาสูงสุดหลังละ 55 ล้านบาท โดยมีมูลค่าโครงการ อยู่ที่ 690 ล้านบาท