ชี้โรคเส้นเลือดใหญ่ในช่วงอกแตก กำเริบตายใน3-5นาที

ชี้โรคเส้นเลือดใหญ่ในช่วงอกแตก กำเริบตายใน3-5นาที

แพทย์ครวญขอความเห็นใจ กรณีเด็กปวดท้องตาย ชี้เป็นโรครุนแรงเกินความสามารถ กำเริบตายใน 3-5 นาที พบเพียง 5 คน ใน 1 ล้าน

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Nu-sajee Kornrawee"ได้มีการโพสรูปและข้อความเผยแพร่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถึงผู้ป่วยเป็นเด็กชายเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงมารักษาตัวที่ ร.พ.พระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี และต้องรอเพื่อเข้ารับการรักษานาน จนผู้ป่วยมีอาการช๊อกและเสียชีวิต เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง


ทั้งนี้ภาพและข้อความดังกล่าวระบุรายละเอียดส่วนหนึ่งว่า “ น้องปวดท้องมาก มากจนต้องส่งตัวฉุกเฉินจาก รพ... ไป รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่เช้า ไปถึง พยาบาลบอกให้ รอ รอ รอ รอ รอ ทั้งๆ ที่น้องปวดมากจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ปวดทรมานมาก อีกทั้งหน้าก็บวมจากเดิมมากๆ ก็ยังบอกรอ รอ รอ รอ รอ นานมากๆ จนน้องช๊อคล้มลงไป พยาบาลทำ CPR จนรู้สึกตัว ถึงได้เข้าตรวจ เข้าเอ็กซเรย์ ได้เข้าฉีดสี เข้าเครื่องคอม จนรู้ว่า...เส้นเลือดใหญ่ในกระเพาะแตก แล้วออกมาได้ภาพถ่าย 2 นิ้วเป็นรูปสุดท้าย หลังจากนั้น น็อค อีก 1 ครั้ง และได้ปั้มหัวใจ แต่ครั้งนี้น้องไม่กลับมาแล้ว....เพราะคำว่า "รอ" คำเดียวเท่านั้น.....ลองนึกดูนะ ถ้าน้องได้ตรวจได้เช็คตั้งแต่น้องมาถึง รพ. ก็อาจจะช่วยชีวิตน้องไว้ได้ .... ขอฝากถึง หมอ พยาบาล และ โรงพยาบาล.... คุณเห็นอาการน้องแบบนี้แล้ว คุณน่าจะเห็นถึงความผิดปกติแล้วนะ อย่าคิดว่าน้องยังเด็ก น้องเป็นเด็ก อาจจะปวดไปเอง อดทนไม่ไหว.... ปวดท้องธรรมดาหรือเปล่า ที่น้องปวด น้องทรมานมากจริงๆ และส่งตัวไปแบบฉุกเฉิน แต่ทำไมถึงยังต้องรอ .... ขอไว้เป็นอุทาหรณ์


ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบทราบชื่อเด็กชายที่เสียชีวิตคือนายธีธัช เกตุทอง หรือน้องนิว อายุ 15ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ถ.บ่อตาลักษณ์ ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยญาติได้นำศพมาตั้งทำพิธีทางศาสนา ณ วัดชะอำคีรี อ.ชะอำ สอบถามนางสุพัตร เกตุทอง อายุ 46 ปี มารดาของน้องนิวเล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมาน้องนิวมีอาการเจ็บปวดท้องอย่างรุนแรง ตนและญาติรีบนำตัวส่ง รพ.ชะอำ แพทย์ทำการเอ็กเรย์รักษาให้นอนพักดูอาการ 1 คืน แต่เช้าวันที่ 21 ปรากฏอาการไม่ดีขึ้น. จึงส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.โรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรีใน เวลา 13.30 น ระหว่างที่รอตรวจน้องนิวปวดท้องอย่างรุนแรง จนไม่สามารถนั่งรถเข็นของทางโรงพยาบาลได้ ตนได้ไปขอให้พยาบาลเร่งช่วยเหลือแต่พยาบาลกลับบอกให้รอแพทย์ก่อน จนน้องทนไม่ไหวช็อกหมดสติไป จากแพทย์พยาบาลได้เร่งให้การช่วยเหลือจนน้องฟื้นขึ้นมาและนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินและตรวจพบว่าน้องมีอาการเส้นเลือดใหญ่ใหญ่แตก และเสียชีวิตต่อมา


ต่อมาเวลา 13.30 น.วันที่ 22 กรกฏาคม นพ.ประจักษ์ วัฒนะกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี นพ.สาธิต รัตนศรีทอง ผอ.รพ.พระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี แถลงข่าวขี้แจงกรณีดังกล่าว ต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด


นพ.สาธิต กรณีที่ญาติผู้ตายระบุว่าแพทย์พยาบาล มีการดำเนินการล่าช้านั้น ขอชี้แจงว่า ผู้ป่วยถูกส่งตัวมาจาก ร.พ.ชะอำ ถึง รพ.พระจอมเกล้าฯ เวลา13.30 น. เข้าตรวจที่แผนกอายุรกรรม ต่อมาเวลา 14.04 แพทย์ส่ง x-ray เวลา 14.30 ได้ฟิล์ม ส่งให้แพทย์วินิจฉัย ระหว่างรอผลเด็กเป็นลมหมอทำการเจาะเลือด ปฐมพยาบาล เวลา 14.45 ส่งมายังห้องฉุกเฉิน ความดันตกแพทย์ทำการตรวจให้น้ำเกลือเจาะเลือดจากนั้น เข้า ct scan ตรวจคลื่นหัวใจ และทำการ ct scan ซ้ำ เนื่องจากมีอาการผิดปกติ เบื้องต้นแพทย์สงสัยเป็นเส้นเลือดใหญ่โป่งพองในช่วงอกซึ่งเกินกว่าระดับการรักษาของ รพ.พระจอมเกล้า จึงประสานเตรียมส่งตัวไปรักษาต่อแต่ปรากฏผู้ป่วยเริ่มกระสับกระส่าย ชีพจรหยุดเต้น แพทย์ทำการปั้มหัวใจ ให้เลือด แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ เสียชีวิต 16.38 ด้วยอาการเส้นเลือดใหญ่ในช่วงอกแตก


“ ช่วงห่างของเวลาเป็นช่วงที่รอฟิล์ม x-ray และช่วงแพทย์ต้องวินิจฉัย ยืนยันว่าแพทย์พยาบาลทำอย่างเต็มที่แล้ว ขอแสดงความเสียใจกับญาติด้วยความจริงใจแต่กรณีนี้ผู้ป่วยเป็นโรคที่รุนแรง เกินระดับความสามารถในการรักษาของ รพ.พระจอมเกล้าฯ มาก” นพ.สาธิตกล่าว


ด้าน นพ.ประจักษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก ซึ่งโรคดังกล่าว เป็นโรคที่มีความรุนแรงอย่างมาก พบได้น้อย จากสถิติพบผู้ป่วยมีอาการนี้ในอัตรา 5 คน จาก 1,000,000 คน และส่วนใหญ่จะพบได้ในวัย 40-70 ปี สมมุติฐานเบื้องต้นของโรคก็ทำได้ยาก ต้องใช้เครื่องมือ ct scan หรือการ x-ray คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวจึงจะทราบได้ โรคนี้รักษายากในพื้นที่นี้มีเพียง รพ.ศิริราช ได้เพียงแห่งเดียว ที่สำคัญเมื่ออาการกำเริบรุนแรงจะมีเวลาเพียง 3-5 นาที ในการรักษาเท่านั้น ขณะที่แพทย์ รพ.จอมเกล้าฯพบผู้ป่วยก็เกิดอาการกำเริบสูงสุดกะทันหันจึงไม่สามารถส่งตัวรักษาได้ทัน


“ ขอแสดงความเสียใจ กับครอบครัวของน้องนิว เราพยายามเต็มที่แล้ว แต่เกินระดับความสามารถของแพทย์ และพยาบาลของโรงพยาบาลจริงๆ ส่วนการเยียวยาจะประชุมกับส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถดำเนินการได้เช่นไรบ้าง และจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่” นพ.ประจักษ์ กล่าว