ททท.เจาะตลาดดาวรุ่ง บุก‘แคนาดา-ยุโรปตะวันออก’

ททท.เจาะตลาดดาวรุ่ง บุก‘แคนาดา-ยุโรปตะวันออก’

การหาตลาด “เป้าหมายใหม่” เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ท่องเที่ยวไทยมานาน ปัจจุบันมี 2 ตลาดที่ต้องจับตามองในฐานะดาวรุ่งสร้างรายได้ คือ “แคนาดา” และ “ยุโรปตะวันออก”

จริญญา เกียรติลัภนชัย ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนิวยอร์ก กล่าวว่า ภายในไตรมาส 3 นี้จะเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่โตรอนโต แคนาดา เพื่อดูแลตลาดโดยตรง จากที่เคยอยู่ภายใต้สำนักงานนิวยอร์กมาโดยตลอด เนื่องจากเห็นศักยภาพการเติบโต โดยไทยเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับ 4 ของนักท่องเที่ยวชาวแคนาดา ซึ่งเป็นตลาดที่ส่งออกนักท่องเที่ยวแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก

จากข้อมูลวิจัยเชิงตลาดพบว่า แม้ปี 2558-2559 แคนาดาจะเผชิญความท้าทายเชิงเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์เริ่มปรับดีขึ้น คาดการณ์จีดีพีขยายตัว 2.6% ในปีนี้  ขณะที่พฤติกรรมด้านเดินทางยังเหนียวแน่น มีจำนวน 17 ล้านคน หรือ 60% ของประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ และมีประชากรถึง 57% ถือพาสปอร์ตพร้อมเดินทาง แต่ละปีคิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมกันสำหรับการเที่ยวต่างประเทศ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท

ปี 2559 มีการเดินทางรวม 31.2 ล้านทริป ในจำนวนดังกล่าว 25 ล้านทริป เป็นการเที่ยวเพื่อพักผ่อน เดินทางระยะใกล้ คือ สหรัฐ มากสุด 59.2%  อีก 40.8% เที่ยวประเทศอื่น  คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2558-2563 ตลาดเอาท์บาวด์แคนาดา เติบโตเฉลี่ย 4.1% ต่อเนื่องทุกปีด้วย

ในเชิงการรับรู้ด้านท่องเที่ยวไทย ถือว่ามีจุดแข็งในระดับสูงในด้านอัธยาศัยไมตรีการต้อนรับ และสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี ซึ่งสามารถใช้เป็นการต่อยอดขายนักท่องเที่ยวใหม่ตลาดนี้ได้ รวมถึงตอกย้ำคนที่เคยเดินทางมาแล้วให้มาซ้ำ”

โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ 4 กลุ่มย่อย ได้แก่ เบบี้บูมเมอร์ มี 9.7 ล้านคน กลุ่มมัลติเจนเนอเรชั่น (กลุ่มเดินทางพร้อมคนหลากหลายวัย เช่น ครอบครัว) กลุ่มฮันนีมูน กลุ่มแอลจีบีที ที่มีความหลากหลายทางเพศ และกลุ่มมิลเลนเนียลส์ ที่มีฐาน 9.5 ล้านคน

ตลาดแคนาดาไม่เหมือนสหรัฐ เพราะชอบการสำรวจ ทดลองทำกิจกรรมเชิงประสบการณ์มากกว่า ต้องคงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นขนานแท้"

ดังนั้น กิจกรรมประเภท ซอฟต์ แอดเวนเจอร์ หรือนำเสนอเรื่องกีฬา เช่น กอล์ฟ จึงน่าสนใจ และเนื่องจากเป็นจุดหมายระยะไกล การขายแพ็คเกจผนวกกับประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) จะเพิ่มโอกาสทำตลาดได้มากขึ้นด้วย

สำหรับปี 2561 คาดว่าไทยจะนักท่องเที่ยวแคนาดา 2.5 แสนคน เพิ่มขึ้น 7.3% สร้างรายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% หากเทียบกับตลาดในภูมิภาคอเมริกาทั้งหมด แคนาดา มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปสูงสุดที่ 9.14 หมื่นบาท

อีกเทรนด์มาแรงที่ไม่ควรละเลย คือ การใช้สื่อออนไลน์ในการทำตลาด เพราะประชากรในโลกดิจิทัลขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากการสำรวจพบว่า มีถึง 20 ล้านคนที่มีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในการนำเสนอข้อมูลท่องเที่ยวออนไลน์ โดยแบ่งการเข้าถึงเป็นประเภทเดสท์ท็อปกว่า 65% ซึ่งเป็นความแตกต่างจากตลาดสหรัฐและอังกฤษ ที่สัดส่วนการเข้าถึงผ่านมือถือสูงกว่า

วิยะดา ศรีรางกูล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานปราก กล่าวว่า ตลาดยุโรปตะวันออกในภาพรวมยังดีมาก มีการเติบโตสูงกว่าเกณฑ์ของตลาดยุโรปโดยรวม เช่น สาธารณเชก เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น 16%  โปแลนด์ขยายตัว 20%  ทำให้สำนักงานปราก ซึ่งดูแล 7 ประเทศในยุโรปตะวันออก เพิ่มการเดินทางมาไทยมากขึ้น เป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตของตลาดที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10%  ได้อีก 4-5 ปี

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดยุโรปตะวันออกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9% ต่อปี สูงเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มยุโรป ปีที่ผ่านมามีจำนวนรวม 3.79 แสนคน สร้างรายได้ 2.62 หมื่นล้านบาท แม้ว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวปัจจุบันอยู่อันดับ 4 ของภาพรวมตลาดยุโรป แต่ยังอยู่ในอัตราสูง 6.9 หมื่นบาท/คน/ทริป แซงหน้าฝรั่งเศสและเยอรมนี ไปแล้ว

ประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออกบางประเทศ อาจมีฐานประชากรไม่มาก เช่น บัลแกเรีย มีเพียง 7.1 ล้านคน แต่เป็นกลุ่มที่ได้รับการศึกษาดี นิยมการเดินทางท่องเที่ยวหาประสบการณ์ พร้อมใช้จ่ายสูง เซ็กเมนต์ค่อนไปอยู่กลุ่มกลาง-บนขึ้นไป จะเห็นจากตัวเลขการใช้จ่ายเฉลี่ย ประกอบกับภูมิภาคนี้ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่โดดเด่น หรือมีก็ไม่สามารถลงเล่นได้เพราะน้ำเย็นจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้การเดินทางมาเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหารการกิน และประสบการณ์ท้องถิ่น เป็นจุดสนใจที่ขายได้ ตลาดนี้ไม่ชอบความพลุกพล่าน โดยสีสันของไนท์ไลฟ์อาจมีได้บ้าง แต่ต้องไม่มากเกินไป

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญสำหรับตลาดยุโรปตะวันออกคือไม่มีเที่ยวบินตรง เมื่อถึงการเดินทางช่วงไฮซีซันจึงมีการกระจุกตัวสูง ดังนั้นจึงมีการเจรจากับบริษัทนำเที่ยวที่จัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ให้ยืดระยะเวลาการเดินทางมากขึ้น จากเดิมสิ้นสุดเดือน มี.ค. ขอให้ต่อไปจนถึงช่วงกรีนซีซัน โดยนำเสนอจุดแข็งในการย้ายมาท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทยได้

ตลาดในกลุ่มนี้ที่มีศักยภาพน่าจับตามอง ได้แก่ โปแลนด์ ที่มีประชากรเกือบ 40 ล้านคน อัตราการเติบโตของตลาดเอาท์บาวด์มาเยือนไทยเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ และยังไม่มีสัญญาณใดบ่งชี้ว่าเทรนด์จะแผ่วลง บริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ ได้แก่ อิตาก้า และเรนโบว์ ทัวร์ส ยังวางแผนเพิ่มลูกค้ามาไทย 10% ในปีนี้ และอีก 10% ในปี 2561

ขณะที่ ททท.คาดการณ์ว่าปี 2561 ตลาดยุโรปจะเติบโตสูง 14.8% ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 5.19 แสนคน ทำรายได้ 3.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%