5 ภารกิจใหญ่ SCBLIFE กระชับสุขภาพพนักงาน

 5 ภารกิจใหญ่ SCBLIFE กระชับสุขภาพพนักงาน

ไทยพาณิชย์ประกันชีวิตจัดกิจกรรมใหญ่ต่อเนื่อง 7 เดือน ส่งเสริมพนักงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการดูแลสุขภาพและการบริโภคอาหาร ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างสุขภาพ ต้นทุนชีวิตที่เข้มแข็ง” ล่าสุดวันอาทิตย์ที่ 23 นี้จัดเดินวิ่ง 5 กิโลเมตรที่สวนรถไฟ

พนักงานออฟฟิศมีโอกาสประสบพบเจอกับโรคภัยรุมเร้ามากกว่าอดีต งานวิจัยจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยคนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรมซึ่ง 3 อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดหลังเรื้อรัง ไมเกรนและมือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อค สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน และท่าทางในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งหลังค่อม ท่าก้มหรือเงยคอมากเกินไป เมื่อรวมกับพฤติกรรมการกิน หรือบริโภคอาหารในชีวิตประจำวันที่อยู่ในความเร่งด่วน อาทิ 1.กินไขมันมากเกินไป 2.กินเค็มมากไป 3.กินหวานมากไป และ4.กินผักผลไม้ที่มีกากใยน้อยไป ยิ่งทำให้เกิดโรคในกลุ่มคนทำงานสูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงเป็นที่มาและจุดเริ่มต้นของโครงการ “SCBLIFE Healthy Together” โดยบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFE ส่งเสริมให้พนักงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการดูแลสุขภาพและการบริโภคอาหาร ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างสุขภาพ ต้นทุนชีวิตที่เข้มแข็ง” โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์และสร้างพฤติกรรมใหม่ในการดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากภาวะโรคภัยต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานภายในองค์กร มีระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมเป็นเวลา 7 เดือน นับตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 31 ธันวาคม 2560

โครงการฯ เริ่มต้นจากการสำรวจพฤติกรรมของพนักงานภายในองค์กร โดยเฉลี่ยจากจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน พบว่า ค่าเฉลี่ยของพนักงานมีการขยับร่างกาย และก้าวเดินเพียงวันละ 3-4 พันก้าว ในขณะที่การก้าวเดินเพื่อสุขภาพที่ดี จะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นก้าวต่อวัน จากผลสำรวจดังกล่าวจึงได้กำหนดรูปแบบลักษณะของกิจกรรมให้กับพนักงานที่สนใจและสมัครเข้าเป็นสมาชิก โดยทำการแบ่งกิจกรรมเป็น 5 ภารกิจ เริ่มจากกิจกรรมการตรวจวัดตระหนักรู้ เพื่อเช็คสมรรถภาพความฟิตของร่างกาย รวมถึงความเข้มแข็งของสุภาพในปัจจุบันของทุกคน และนำมาหาค่าเฉลี่ยในการจัดกลุ่มตามสัดส่วนน้ำหนักของพนักงาน

ภารกิจที่สองเวิร์คชอป ปฏิบัติการสร้างเสริมสุขภาพในหัวข้อ กินอย่างไร ห่างไกลโรคร้าย เรียนรู้โภชนาการ ไขข้อข้องใจด้านอาหารการกิน ปรับพฤติกรรมชีวิต Fit & Firm ด้วยวิธีเรียนรู้การออกกำลังกาย 3 หมู่ และการสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกาย เช่น Cardio exercise (การออกกำลังกายเพื่อพัฒนาระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ) Resistance exercise (การออกกำลังกายเพื่อพัฒนาระบบกล้ามเนื้อ) และ Flexibility exercise (การออกกำลังกายเพื่อพัฒนาความอ่อนตัว)

ภารกิจที่สาม กิจกรรมแข่งขันนับก้าวเดินวันละหมื่นก้าว โดยการให้พนักงานที่เป็นสมาชิกดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อนับก้าวเดินประจำวัน และแชร์ลงในกรุ๊ปไลน์ (Group Line) ของกลุ่มที่ตนเองร่วมเป็นสมาชิก เพื่อกำหนดเป้าหมายการขยับเพื่อออกกำลังกายให้สุขภาพดีขึ้นประจำแต่ละเดือน โดยจะติดตามผลและให้คำแนะนำเพิ่มเติมจากเทรนเนอร์ด้านสุขภาพและโภชนาการจาก สสส. ประจำกลุ่ม

ภารกิจที่สี่ “กิจกรรมขยับเถอะคนดี เลิกงานแล้วพี่ขอ” ออกกำลังกายโดยการเต้นคาดิโอ สลับกับการฝึกโยคะ เพื่อให้ร่างกายได้ขยับในช่วงเย็นหลังเลิกงานทุกวันจันทร์ ถึง วันพฤหัสบดี และสุดท้ายภารกิจที่ห้า “Active Run กับโครงการ Fat Run II อ้วนวิ่งสิอ้วน 2” กิจกรรมเดินวิ่งไปด้วยกันระยะทาง 5 กิโลเมตร จัดโดยชมรมไอติมหม้อไฟ และประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Thai.run ฮับความสุขของคนรักการวิ่ง กำหนดจัดในเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคมนี้ ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เพื่อให้พนักงานที่เข้าร่วมโครงการได้หันมาสนุกและสร้างความคุ้นเคยกับการออกกำลังกายที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด กิจกรรมนี้จัดขึ้นสำหรับคนทุกประเภท ทั้งประเภทที่ไม่คุ้นเคยกับการวิ่ง ผู้ที่วิ่งเป็นประจำ หรือผู้ที่มีน้ำหนักเกิน

นางสาวนฤมล เจียรานุราช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดตัวโครงการดังกล่าว มีพนักงานที่สนใจและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 300 คน คิดเป็น 35 เปอร์เซนต์ของพนักงานทั้งหมดของบริษัท
“การสร้างสุขภาพที่ดีคือต้นทุนชีวิตที่ดี และไม่สามารถใช้เงินซื้อได้ หากต้องการให้ร่างกายแข็งแรงและห่างไกลจากโรคภัยต่างๆ สิ่งที่เราทุกคนสามารถปฏิบัติได้คือ การเอาชนะใจตนเอง และลงมือปฏิบัติ ซึ่งโครงการ “SCBLIFE Healthy Together” จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนขององค์กรที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความรู้ที่ถูกต้องผ่านคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ให้กับพนักงาน เน้นการปฏิบัติได้จริง” นางสาวนฤมล กล่าว