กรมที่ดินจ่อเรียก 'นวธานี' ชี้แจงรีดส่วนกลาง

กรมที่ดินจ่อเรียก 'นวธานี' ชี้แจงรีดส่วนกลาง

"กรมที่ดิน" เตรียมเรียกเจ้าของโครงการ "นวธานี" แจง หลังลูกบ้านร้องเรียนเรียกเก็บเพิ่มเงินส่วนกลางไม่เป็นธรรม-จี้สร้างสะพานข้ามคลองที่ถูกทุบทิ้งช่วงน้ำท่วมกลับคืนตามเดิม ระบุหากใช้เงินผิดประเภทลูกบ้านสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายได้

จากกรณีกลุ่มลูกบ้านหมู่บ้านนวธานี เขตบางกะปิ กทม. ร้องเรียนว่าบริษัท นวธานี จำกัด ในฐานะผู้จัดสรรที่ดินโครงการหมู่บ้าน ได้เรียกเก็บค่าส่วนกลางเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 บาท ต่อตารางวา เป็น 8 บาทต่อตารางวา โดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกบ้าน รวมถึงมีการรื้อสะพานข้ามคลองในช่วงภาวะน้ำท่วม แล้วไม่สร้างสะพานทดแทนจนส่งผลกระทบการเดินทางเข้าออกของลูกบ้านในโครงการนั้น

นายสิทธิโชค ศรีมีชัย หัวหน้ากลุ่มจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร สำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน กล่าวว่า ปัญหาของลูกบ้านนวธานีสามารถยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการจัดสรรที่กรุงเทพมหานคร ให้เป็นไปตามมาตรา 14 (4) มาตรา 50 ของพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ที่ได้กำหนดระเบียบคณะกรรมการดังกล่าว มีหน้าที่กำหนดค่าใช้จ่ายหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และการจัดการสาธารณูปโภคและการจัดทำบัญชี โดยให้ทั้ง 2 ฝ่าย มาชี้แจงโดยเฉพาะทางโครงการนวธานี ในฐานะผู้จัดสรรที่ดิน ที่ขอเรียกเก็บค่าส่วนกลางในราคา 8 บาทต่อตารางวา ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง เช่น ค่ายาม ค่าไฟทาง ค่าสูบน้ำ เป็นต้น

ในเบื้องต้นทราบว่า ทางโครงการนวธานี ยังชี้แจงไม่ชัดเจน ทำให้ลูกบ้านเกรงว่า การเรียกเก็บค่าส่วนกลางที่เพิ่มขึ้นจะนำเงินไปใช้ผิดประเภท ทั้งนี้ราคา 5 บาทต่อตารางวา เป็นอัตราค่าส่วนกลางที่ตกลงกันในสัญญาระหว่างลูกบ้านและโครงการ แล้วมีการเรียกเก็บเพิ่มเป็น 8 บาทต่อตารางวา หากทางโครงการฯไม่ชี้แจงให้ชัดเจน แล้วเรียกเก็บอย่างไม่เหมาะสม ถือว่าลูกบ้านได้เปรียบ เพราะในทางกฎหมายแพ่ง ลูกบ้านสามารถฟ้องให้ดำเนินคดีได้ แต่อยากให้ใช้ผลการบังคับจากมติของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน จะเป็นทางออกที่ดีกว่า
บริเวณของบ้านแต่ละหลังมีพื้นที่มากกว่าโครงการบ้านจัดสรรทั่วไป ภายในหมู่บ้านยังมีสนามกอล์ฟ และจัดเก็บค่าส่วนกลางก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว แต่การขึ้นราคาเพียง 3 บาทก็มีผลต่อค่าใช้จ่ายของลูกบ้านด้วย

หัวหน้ากลุ่มจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร ยังกล่าวถึงประเด็นการสร้างสะพานซึ่งเป็นทางเข้าออกของหมู่บ้านว่า จากการสำรวจแบบก่อสร้างของโครงการ ที่แต่เดิมมีสะพานแบบท่อขนาดใหญ่ 2 แห่ง เพื่อใช้สำหรับเดินทางเข้าออกในหมู่บ้าน โดยมีน้ำจากลำคลองสาธารณะลอดผ่าน

ต่อมาในช่วงภาวะน้ำท่วมกทม. มีการรื้อสะพานเพื่อเปิดทางน้ำไหล แต่หลังน้ำลด กลับสร้างทดแทนเพียงสะพานเดียว และปฏิเสธที่จะสร้างอีก 1 สะพาน เพราะต้องใช้เงินประมาณ 7-8 ล้านนั้น สะพานอีกแห่งที่ลูกบ้านต้องการให้ทางโครงการสร้างตามเดิมนั้น อย่างไรก็ตามทางโครงการฯก็ต้องดำเนินการ แม้ว่าเงินที่ใช้จ่ายเป็นค่าก่อสร้างจะไม่เกี่ยวข้องกับเงินจากค่าส่วนกลางก็ตาม เพราะตามหลักกฎหมาย หากแบบก่อสร้างของโครงการเป็นอย่างไร แม้มีความจำเป็นต้องรื้อในช่วงน้ำท่วม แต่หลังจากน้ำลดแล้ว ทางโครงการก็ต้องดำเนินการก่อสร้างสะพานทดแทนเพื่อให้ตรงกับแบบก่อสร้างเดิม เพียงแต่ทางโครงการฯ ชี้แจงว่า ยังไม่มีเงินเพียงพอ

ส่วนประเด็นที่ลูกบ้านร้องขอจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นเองนั้น นายสิทธิโชค กล่าวว่า หากผู้จัดสรรที่ดิน ต้องการให้ลูกบ้านจัดตั้งนิติบุคคล หรือประสงค์หลุดจากหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภค ก็สามารถแจ้งให้ลูกบ้านจัดตั้งนิติบุคคล ได้ตามมาตรา 44 แห่ง พระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 หรือมาตรา 70 หากผู้จัดสรรที่ดินละทิ้งหน้าที่ ลูกบ้านสามารถรวมตัวกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ร่วมกันยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หรือคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหานคร เพื่อขอจัดตั้งนิติบุคคล