เล็งเชือด 'ดารา-เน็ตไอดอล' ชวนผ่านสื่อซด 'เหล้า-เบียร์'

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ 10 พร้อมด้วย นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกันประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนท์ กับตัวแทนตำรวจภาคต่างๆ เพื่อเตรียมแผนการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยที่ประชุมมีการสั่งกำชับให้ตำรวจในแต่ละภาค เฝ้าระวังและตรวจสอบดำเนินคดีกับกลุ่มดารา นักแสดง นักร้อง เน็ตไอดอล หรือบุคคลมีชื่อเสียง ที่โพสต์ภาพคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในทุกช่องทาง

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวก่อนประชุมว่า  เบื้องต้นมีการดำเนินคดีกับดารานักแสดง และผู้มีชื่อเสียงแล้ว 5 ราย ในพื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี โดยพบว่ามีภาพโพสต์คู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ในลักษณะการโฆษณาเชิญชวน ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อมูลผู้มีชื่อเสียงที่โพสต์ภาพในลักษณะนี้อีกเป็นจำนวนมาก แต่ยังระบุไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าใด ดังนั้น จึงขอฝากเตือนให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวที่นำภาพถ่ายคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกจากสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท  ก่อนที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะให้ตำรวจเฝ้าจับตาสื่อสังคมออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานนำมาพิจารณาดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องนำมาตรการดังกล่าวมาบังคับใช้อีกครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มการใช้สื่อออนไลน์ เป็นช่องทางในการชักชวนให้ประชาชนหันมาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันมากขึ้น อีกทั้งมีผลการวิจัยที่ออกมาระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ประชาชนเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ง่ายขึ้นนั้น ร้อยละ 30 มาจากภาพของบุคคลมีชื่อเสียง ดารานักแสดง หรือแม้แต่เน็ตไอดอลที่ประชาชนชื่นชอบ ซึ่งมีการโพสต์ภาพคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเชิงการชักชวน ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวมีการระบุถึงบทลงโทษ และการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้ด้วย หากพบเป็นการกระทำผิดครั้งแรก จะมีอัตราโทษปรับไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ครั้งที่ 2 ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท ส่วนประชาชนที่เป็นผู้ชี้เบาะแส จนนำไปสู่การจับกุมได้นั้นจะได้รับส่วนแบ่ง 1 ใน 4 ของเงินค่าปรับดังกล่าวด้วย

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับผลการควบคุมป้องกัน และปราบปรามการจำหน่ายสุราในวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ฝ่าฝืนจำหน่ายสุราลดลงมาก เช่น ในพื้นที่ 6 จังหวัด มีการดำเนินการตรวจสอบ 151 ราย ไม่พบการกระทำความผิด 134 ราย และสั่งดำเนินคดี 14 ราย