“ทรัมป์”ห้ามสว.รีพับลิกันออกจากวอชิงตัน

“ทรัมป์”ห้ามสว.รีพับลิกันออกจากวอชิงตัน

“ทรัมป์”ห้ามสว.รีพับลิกันออกจากวอชิงตัน จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงกฎหมายประกันสุขภาพ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชิญวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันทั้ง 52 คนเข้าพบที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ หลังจากที่ความพยายามในการผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ล้มเหลวอีกครั้ง

ทั้งนี้  นายทรัมป์ เรียกร้องให้วุฒิสมาชิกใช้ความพยายามอีกครั้ง ในการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ เพื่อทำตามคำสัญญาของพรรครีพับลิกันในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในปีที่แล้ว  และยังเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ต่อไป โดยไม่ให้ออกจากเมืองในช่วงปิดสมัยประชุมสภาในเดือนส.ค. จนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกกฎหมายประกันสุขภาพ ที่จะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า "เป็นเวลา 7 ปีแล้วที่คุณได้สัญญากับชาวอเมริกันว่าคุณจะยกเลิกโอบามาแคร์ เราจึงไม่ควรนิ่งดูดาย เราสามารถยกเลิกโอบามาแคร์ แต่เราควรยกเลิก และออกกฎหมายใหม่มาทดแทนโอบามาแคร์ โดยเราไม่ควรออกจากเมือง จนกว่าจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ”

ด้านนายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายที่จะยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า แต่จะยังไม่มีการออกกฎหมายที่จะมาทดแทนโอบามาแคร์

ทั้งนี้ ความพยายามของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันในการลงมติเพื่อยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพ “โอบามาแคร์” ของรัฐบาลชุดก่อน โดยที่ยังไม่มีร่างกฎหมายฉบับใหม่เข้ามาบังคับใช้แทนที่นั้น ประสบกับความล้มเหลว หลังจากที่นางลิซา เมอร์คอว์สกี นางเชลลีย์ มัวร์ และนางซูซาน คอลลินส์ ซึ่งเป็นวุฒิสภาชิกจากพรรครีพับลิกันประกาศที่จะคัดค้านแผนการดังกล่าว

นอกจากนี้ นายไมค์ ลี วุฒิสมาชิกรัฐยูทาห์ นายเจอร์รี มอร์แรน วุฒิสมาชิกรัฐแคนซัส พร้อมด้วยนายแรนด์ พอล วุฒิสมาชิกจากรัฐเคนทักกี ก็แสดงจุดยืนที่จะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงใหม่ในวุฒิสภาเช่นกัน

ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยมีจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งหมด 52 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง แต่การออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านของวุฒิสมาชิกดังกล่าว ส่งผลให้พรรครีพับลิกัน ไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอต่อการโหวตล้มเลิกกฎหมายโอบามาแคร์ในวุฒิสภาได้ เนื่องจากพรรคต้องการเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 50 เสียง บวกกับคะแนนเสียงชี้ขาดจากรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน