เวลามีค่าที่สุด เมื่อมะเร็งมาเยือน

...........................

ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง เธอก็ไม่ต่างจากหลายคนคิดว่า อายุยังน้อย มีเวลาในชีวิตอีกเยอะ แต่เมื่อมะเร็งมาเยือน ทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิด

หลังจาก ออย-ไอรีล ไตรสารศรี เรียนจบด้านมัณฑนศิลป์ ศิลปากร เธอก็ทำงานศิลปะเล็กๆ น้อยๆ เพ้นท์่เสื้อขายบ้าง ออกแบบผลิตภัณฑ์งานศิลป์บ้าง โดยตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ และช่วงจังหวะที่กำลังจะเดินทาง เธอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ทั้งๆ ที่ไม่เคยป่วย ชอบออกกำลังกาย และเป็นนักกีฬาเทควันโด 

นั่่นทำให้ต้องยกเลิกเรื่องเรียนต่อต่างประเทศไว้ก่อน เพื่อรักษาตัว

 “แวบแรกที่คิดก็คือ อีกไม่นาน เราจะต้องตาย”ไอรีล เล่าถึงช่วงที่พบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ตอนอายุ27 ปี

เมื่อถามว่าจมอยู่กับความทุกข์นานไหม

เธอบอกว่า 3-4วัน ช่วงนั้นตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมๆ ๆๆๆๆ.........

“เหมือนคนอกหัก ฟูมฟายกับตัวเอง จนได้คำตอบว่า เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง แล้วไง ทุกข์ไป มะเร็งก็ไม่ได้หาย ถ้าอย่างนั้นใช้ชีวิตที่เหลือให้มีคุณค่าดีกว่า ”

      เธอจึงคิดว่าน่าจะเอาศิลปะมาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งด้วยกัน จนเป็นที่มาของโครงการArt for Cancer (เพจArt for Cancer by Ireal) เมื่อ 6 ปีที่แล้ว

“ตอนที่เริ่มเป็นมะเร็ง ก็เป็นช่วงที่จะไปเรียนต่ออังกฤษ จึงพักไว้ก่อน และรักษาตัว ทั้งคีโม ฉายแสง ตอนนั้นเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก ยังโชคดีมีเงินรักษา เพราะที่บ้านทำธุรกิจ แต่คนป่วยมะเร็งหลายคนยากจน เราเองก็ไม่ได้รวยขนาดจะเอาเงินไปบริจาค เพราะเราก็ป่วย จึงคิดว่าศิลปะน่าจะเป็นช่องทางระดมทุนช่วยเหลือคนป่วยมะเร็ง “

 ปี2554 เธอเริ่มทำโครงการศิลปะ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งผ่านเพจดังกล่าว โดยนำรายได้ไปบริจาคให้ผู้ป่วยมะเร็งสามโรงพยาบาล และตอนนี้ก็ได้คิดโมเดลเพิ่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ทั้งการให้กำลังใจและให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการใช้ศิลปะสร้างผลิตภัณฑ์หารายได้ด้วยต้ัวเอง

“ทำในแบบที่เราทำได้ ไม่ได้คาดหวัง พอทำแล้วก็รู้ว่า สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการให้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน ก็ช่วยซื้อเสื้อ งานศิลปะ และเคยมีญาติผู้ป่วยมาขอบคุณที่เราทำโครงการนี้ บางคนบอกว่า ทำให้เขามีกำลังใจในการดำเนินชีวิต เราก็เลยตั้งใจว่า ถ้าไม่หมดแรง ก็ยังทำต่อ”

นอกจากระดมทุนขายงานศิลปะของศิลปินหลายคนที่บริจาคเข้ามา เธอยังทำกิจกรรมอื่่นๆ อีก สร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจผ่านงานศิลป์ เธอบอกว่า 6 ปีที่ทำเรื่องนี้ ชีวิตเปลี่ยนไปเลย ทั้งเรื่องทัศนคติในการมองโลก และการเลือกใช้ชีวิต

“ทำให้เรามีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากขึ้น แค่เรามีลมหายใจก็ดีแล้ว ตอนที่เรารู้ว่า เป็นมะเร็ง เราก็ร้องไห้กลัวตาย แต่ตอนนี้เรายังมีลมหายใจ ทำให้เราคิดได้ว่า ปัจจุบันคือของขวัญที่ดีที่สุด เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ก็คือดีที่สุดแล้ว ตอนที่เราและเพื่อนไปช่วยเพ้นติ้งในวอร์ดผู้ป่วย ผู้ป่วยก็มากอด แล้วบอกว่า ดีมากเลยไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้ในโรงพยาบาล มีป้าคนหนึ่งเอาเงินร้อยบาทมาใส่มือเรา เขาบอกว่ามีความสุขที่ได้เดินดูภาพศิลปะ แม้ภาพวาดเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขาหายป่วย แต่มันมีความหมาย เราก็แค่ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีทุนทรัพย์ในการรักษา”

ไอรีล บอกว่า ตลอด 6 ปีที่ทำโครงการนี้ เธอเป็นแกนหลักเพียงคนเดียว  โดยมีเพื่อนพ้องมาช่วย ตอนนี้จึงอยากหาทีมงานมาช่วยต่อยอด เผื่อวันหนึ่งเธอไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว และต่อไปโครงการที่ทำจะจดทะเบียนเป็นธุรกิจเพื่อสังคม

“ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนต้องหยุดทำงาน บางคนเป็นกราฟฟิคดีไซน์  เราก็เลยคิดโมเดลธุรกิจให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในการทำผลิตภัณฑ์ มีรายได้โดยตรง สำหรับผู้ป่วยที่มีไอเดียและมีศักยภาพ แต่ไม่มีเงินทุน เราก็มาช่วยพัฒนา”

    ส่วนอีกโมเดลสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีไอเดียและเงินทุน ไม่รู้จะทำอะไร เธอก็สร้างโครงการให้เย็บตุ๊กตาพวงกุญแจ โดยให้ศิลปินช่วยออกแบบลวดลาย และทำกิจกรรมเวิร์คชอปสอนให้

   “ตุ๊กตาที่เย็บออกมาก็นำมาขายเป็นคู่ คนซื้อก็เก็บไว้ตัวหนี่ง ส่วนอีกตัวส่งให้ผู้ป่วยตามโรงพยาบาล เพื่อพวกเขาจะได้มีกำลังใจ”

     เธอ บอกว่า ต่อไปเมื่อโครงการArt for Cancer เป็นธุรกิจเพื่อสังคมแล้ว ก็ต้องอยู่ได้ด้วย และต้องการผู้สนับสนุน โดยเฉพาะบริษัท ห้างร้านต่างๆ

     ส่วนชีวิตของเธอตอนนี้ หลังจากมะเร็งเต้านมสงบมาห้าปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หมอตรวจพบว่า เธอเป็นมะเร็งปอดเพิ่มอีก

 “ก็แค่ปรับแผนชีวิตใหม่ เป็นมะเร็งรอบสอง ก็ยิ่งมีแรงบันดาลใจ อยากทำงานมากขึ้น ถ้าเราไม่อยู่ ก็อยากให้มีคนสานต่อ เมื่อเราใช้ชีวิตในปัจจุบันอย่างดีที่สุดแล้ว จะอยู่ต่อสั้นหรือยาว ก็เท่ากัน”

 .....................

 หมายเหตุ : คนที่อยากสนับสนุนช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งผ่านงานศิลปะ ดูได้ที่เพจ Art for Cancer by Ireal