ลูคัส กับ 10 ปีในรั้วแอนฟิลด์

ลูคัส กับ 10 ปีในรั้วแอนฟิลด์

“ถ้ามีใครสักคนบอกกับผมตอนนั้นว่า ผมจะอยู่กับลิเวอร์พูล 10 ปี แล้วมีลูกสองคนเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล ผมคงบอกว่าพวกเขาต้องบ้าแน่ๆ” ลูคัส เลวา ดาวเตะวัย 30 ปี เปิดใจในสารคดี “Lucas: 10 Years a Red" สารคดีบันทึกการเดินทางของเจ้าตัวกับทีมลิเวอร์พูล

ถึงเวลานี้ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ลูคัส เลวา มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียน ได้เลือกหันหลังให้กับชีวิตค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ สถานที่ที่เขาใช้เวลาเกือบค่อนชีวิตบนเส้นทางลูกหนังกับสโมสรในถิ่นเมอร์ซีย์ไซด์แห่งนี้

อย่างไรก็ตามดังคำกล่าวที่ว่า“งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา”และดูเหมือนว่างานเลี้ยงบนเกาะอังกฤษของดาวเตะแซมบ้าได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่่อเจ้าตัวเลือกย้ายไปหาความท้าทายบนเวทีกัลโช เซเรีย อา อิตาลี กับ “อินทรีฟ้าขาว” ลาซิโอ ที่คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยราคา 5 ล้านปอนด์ (ราว 220 ล้านบาท)

ดาวจรัสแสงแห่งบราซิล
ลูคัส เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งกับเกรมิโอ สโมสรในลีกบ้านเกิด ตั้งแต่ปี 2005 ขณะอายุได้เพียง 18 ปี แม้จะอายุน้อยแต่เขาก็มีส่วนสำคัญกับเกรมิโอมาตลอด ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวสวมบทมิดฟิลด์ตัวรุกและทำผลงานได้อย่างโดดเด่น กระทั่งกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัล“โบลา เดอ อูโร” (Bola de Ouro) หรือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในลีกบราซิล ซึ่งมีแข้งดังมากมายที่เคยได้รับรางวัลนี้ อาทิ ซิโก, โรมาริโอ, กาก้า, โรบินโญ และคาร์ลอส เตเวซ

แต่ผลงานที่ทำให้กลายเป็นที่จับตามองของบรรดาสโมสรในยุโรป เกิดขึ้นเมื่อครั้งลงเล่นให้กับทีมชุดเยาวชนของบราซิล โดยเขาได้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ลงบู๊ในศึกชิงแชมป์อเมริกาใต้ 2007 ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้มีดาวดังมากมายไล่ตั้งแต่ เอดินสัน คาวานี, อังเคล ดิ มาเรีย, อาร์ตูโร วิดัล, อเล็กซานเดร ปาโต รวมไปถึง ลูคัส ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้สามารถพังตาข่ายให้ทัพเซเลเซาไปถึง 4 ลูกด้วยกัน

จากผลงานดังกล่าวจึงไม่แปลกที่เขาจะตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจากสโมสรในสเปน รวมถึงอินเตอร์ มิลานของอิตาลี ที่ต้องการดึงตัวกัปตันทีมชาติบราซิล ชุดยู-20 รายนี้ไปร่วมทัพ แต่แล้วกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่เป็นฝ่ายได้ลายเซ็นของดาวเตะรายนี้ไปร่วมทัพ เมื่อปี 2007 ในสนนราคา 6 ล้านปอนด์ (ราว 264 ล้านบาท)

ปรับบทบาทสู่มิดฟิลด์ตัวรับ
จากมิดฟิลด์สไตล์ บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ลูคัส ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นจนกลายมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอย่างเต็มตัวเพื่อให้เข้ากับระบบการเล่นของ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดงในตอนนั้น ซึ่งเริ่มแรกเจ้าตัวเหมือนจะไม่ตอบโจทย์กับบทบาทใหม่นี้ได้เลย จนกลายเป็นตัวตลกของแฟนบอลทีมอื่นจากการเล่นที่ผิดพลาดอยู่แทบตลอดเวลา

ลูคัส ลงสนามให้กับ“หงส์แดง”นัดแรกด้วยการลงเล่นเป็นตัวสำรองช่วงครึ่งหลังในรอบคัดเลือกศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นัดที่พบกับตูลูส เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2007 โดยกองกลางบราซิลรายนี้ได้ลงสนามไปมากกว่า 30 นัดสำหรับซีซั่นแรก และยิงประตูแรกในแอนฟิลด์ด้วยลูกยิงระยะ 25 หลา ในเกมเอฟเอคัพที่พบกับ ฮาแวนท์ แอนด์ วอเตอร์ลูวิลล์ และหลังจากลงหลักปักฐานกับทีมลิเวอร์พูลได้ 1 เดือน เขาจึงได้มีชื่อติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ ลงเล่นนัดอุ่นเครื่องกับแอลจีเรีย ก่อนจะเป็นหนึ่งในขุนพล "เซเลเซา" ชุดคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งอีกด้วย

เวลาผ่านไปเจ้าตัวเริ่มปรับตัวกับชีวิตบนเกาะอังกฤษและมีความคุ้นเคยมากขึ้น และก็เริ่มจะตอบสนองกับบทบาทกองกลางตัวตัดเกมได้ดีผิดหูผิดตา โดยหลักฐานที่ยืนยันได้คือการถูกโหวตให้เป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำซีซั่น 2009-10 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเขามาไกลจากความคาดหวังของเหล่าเดอะค็อปมากแค่ไหน

เท่านั้นไม่พอฤดูกาลถัดมาซึ่ง เคนนี ดัลกลิช กลายมาเป็นหัวเรือใหญ่ของลิเวอร์พูล “ลูคัส” โชว์ฟอร์มได้ดีจนถึงขนาดได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล พร้อมกับมีชื่อไปลุยศึกโคปา อเมริกา 2011 กับทีมชาติบราซิล

เมื่อกลับมาอังกฤษ ลูคัสรักษาฟอร์มได้ดีขึ้นกว่าเดิมในช่วงฤดูกาล 2011-12 จนทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก แต่ต้องเขาต้องปิดฤดูกาลอย่างโหดร้ายในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นหลังหัวเข่า ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะกลับมาลงเล่นและทำผลงานให้ดีเหมือนเดิม

"ลูคัส" ยุค "เจอร์เกน คล็อปป์"
ลูคัส เคยร่วมงานกับผู้จัดการทีมมาแล้ว ถึง 5 คน ไล่ตั้งแต่ ราฟาเอล เบนิเตซ, รอย ฮอดจ์สัน ,เคนนี ดัลกลิช ,เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ เจอร์เกน คล็อปป์ เห็นความเปลี่ยนแปลงของสโมสรมาทุกระยะ

โดยตอนที่นายใหญ่ชาวเยอรมนีเข้ามาคุมทีมใหม่ๆมีข่าวว่า ลูคัส อาจถูกปล่อยตัวไปให้กับอินเตอร์ มิลาน ในอิตาลี แต่สุดท้ายก็เป็น คล็อปป์ เองที่เลือกเก็บดาวเตะสารพัดประโยชน์รายนี้เอาไว้กับทีม โดยเขาเคยพูดถึงลูกศิษย์ของเขาว่า “ทุกคนมีความเห็นตรงกัน ลูคัส เป็นนักเตะที่มีคุณค่ากับทีมมาก และเป็นผู้เล่นที่ทัศนคติอันยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาคือคนสำคัญของทีม”

แม้บทบาทในช่วงหลังจะไม่ค่อยได้เห็นเขาปรากฏตัวในสนามมากนัก แต่เมื่อได้รับโอกาสเจ้าตัวก็แสดงออกถึงความมุ่งมั่นและใส่เต็มที่เหมือนที่เคยทำทุกครั้ง โดยซีซั่นที่ผ่านมาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกเพียงแค่ 12 เกม ซึ่งกว่าครึ่งในนั้นเจ้าตัวต้องลงเล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด แต่บรรดา“เดอะ ค็อป” ก็ยังไม่ลืมแอสซิสต์งามหยดที่บรรจงเปิดให้ เอ็มเร ชาน กระโดดตีลังกายิงอย่างสุดสวยในเกมเฉือนวัตฟอร์ด 1-0 ซึ่งเป็นประตูสำคัญที่มีผลต่อการได้สิทธิ์ไปลุยถ้วยยุโรปของทีม“หงส์แดง”อีกด้วย

ทัศนคติที่สุดยอด
ลูคัส เลวา อาจไม่ใช่นักเตะที่สำคัญที่สุดของยอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ไซด์ แต่เขาคือนักเตะที่ทุ่มเทและสู้เพื่อทีมอย่างเต็มที่ ภาพชินตาที่แฟนบอลได้เห็นคือเขาจะดึงถุงเท้าต่ำลงเพื่อสะดวกในการวิ่งลงมาช่วยเกมรับเมื่อทีมกำลังเพลี่ยงพล้ำ พร้อมกับเปลี่ยนสไตล์การเล่นจากตัวเชื่อมเกม มาเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกม เข้าสกัดเกมบุกของคู่แข่ง ไล่กดดันแบบกัดไม่ปล่อย เห็นได้ชัดว่าเป็นนักเตะคนสำคัญที่แบ่งเบาภาระเกมรับอย่างแท้จริง

นอกจากนี้อีกสิ่งที่ทำให้แฟนบอลหลงรักเขาและน่าจะเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำให้เจ้าตัวอยู่โยงในถิ่นแอนฟิลด์ก็คือ เขาไม่เคยออกมาเรียกร้อง หรือตำหนิเพื่อนร่วมทีมและสโมสรแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อต้องตกเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ เขาไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่พอใจที่ตกเป็นตัวสำรอง หรือไม่พอใจที่โยกไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด

ลูคัส เป็นตัวอย่างที่ดี ในแง่ของผู้เล่นที่เป็นมืออาชีพ มุ่งมั่นตั้งใจซ้อมอย่างเดียว และรอคอยโอกาสของตัวเองอย่างอดทน

นับตั้งแต่สตีเวน เจอร์ราร์ด ย้ายไปแอลเอ แกแล็กซี ในปี 2015 ลูคัส คือ นักเตะที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานที่สุด โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี เจ้าตัวลงรับใช้ทีมไปทั้งหมด 346 นัด ยิงไป 7 ประตู แม้ความสำเร็จเดียวที่มีร่วมกับสโมสร คือ แชมป์ลีก คัพ เมื่อปี 2012 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ดาวเตะรายนี้ได้ฝากไว้ให้กับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ย่อมหนีไม่พ้นความซื่อสัตย์และทุ่มเทที่นับจากนี้คงหาใครมาแทนไม่ได้ไปอีกนาน