Retail Market Monitor (19 ก.ค.60)

Retail Market Monitor (19 ก.ค.60)

ตลาดเกิดใหม่อาจเคลื่อนไหวเด่นกว่าตลาดพัฒนาแล้วในระยะสั้น

เราคาดตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบระหว่างรอรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ของหุ้นธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.ค.นี้ ทั้ง BBL, SCB, KBANK, KTB และ BAY ทั้งนี้เรามองตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่ (Emerging market: EM) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวเด่นกว่าตลาดพัฒนาแล้วในระยะสั้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ จากการที่ทรัมป์ไม่สามารถรวบรวมเสียงสมาชิกรีพับริกันเพื่อผลักดันกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่แทนโอบามาร์แคร์ ทำให้การผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น รวมทั้งการปฏิรูปภาษีล่าช้า ส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่า ส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชียและตลาดเกิดใหม่

ทั้งนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการเสี่ยงซื้อหุ้นในกลุ่มที่ PER สูง โดยเฉพาะร.พ.หลัก แต่สามารถเลือกร.พ.ในประเทศซึ่งผลการดำเนินงานเข้าสู่ high season ในช่วงไตรมาส 3/60 อาทิ BCH, CHG ขณะที่หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งโดยเชิงโครงสร้างหรือมีโมเมนตัมของกำไรที่เพิ่มขึ้น จะโดดเด่นกว่าตลาด เรามองหาจังหวะทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร บันเทิง โรงแรม และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ได้แก่ SCB, KBANK, MONO, ERW, MINT, TK*, TSR, AMANAH, GCAP*, SIMAT การเก็งกำไรเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ BANPU, BCH, TNR* //เก็งกำไร TK*, TSR

ประเด็นการลงทุน

หุ้นต่างประเทศ – หุ้นยุโรปปรับลดลงราว 1% จากความกังวลการแข็งค่าของเงินยูโรกระทบกับผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มส่งออก ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมันที่ต่ำคาดและรัฐบาลกรีซเลื่อนแผนออกพันธบัตร

โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันและทองคำปรับเพิ่มขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมาจากการที่ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดการส่งมอบน้ำมันแก่ลูกค้าเป็นจำนวนมากกว่า 600,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศจำนวนมากในช่วงฤดูร้อน โดยการส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียจะดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ ที่ระดับ 6.6 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ขณะที่การส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐจะลดลงต่ำกว่าระดับ 800,000 บาร์เรล/วัน ส่วนค่าระวางเรือปรับขึ้น 2.19% สู่ 932 จุด

กลุ่มอิเลกทรอนิกส์ – การแข็งค่าของเงินบาท 6% นับจากต้นปี ขณะที่ทองแดงปรับเพิ่มขึ้นราว 8% เป็นปัจัจยกดดันต่อผลการดำเนินงานกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และอาจทำให้ผลการดำเนินงานมีความเสี่ยงต่อประมาณการของนักวิเคราะห์ได้

ธุรกิจตจว.ยอดร่วง – ราคาสินค้าเกษตรที่กลับมาปรับลดลง กดดันเศรษฐกิจ-กำลังซื้อต่างจังหวัด ร้านอาหาร-สถานบันเทิงซบหนัก ค่ายรถหวั่นลามตลาดปิกอัพ-มอเตอร์ไซค์ ระบุภาคใต้หนักสุด ธ.ก.ส.ฟันธง ยางพารา-ปาล์มน้ำมันจ่อขยับ

TCAP - ผลประกอบการครึ่งปีแรก มีกำไร 6.6 พันล้านบาท เติบโต 10.2% ฟุ้งกำไรโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน สินเชื่อ โตทุกกลุ่ม เอ็นพีแอลลดลงเหลือ 2.16%

BGRIMM – เริ่มทำการเข้าซื้อขายวันนี้

ประเด็นติดตาม: 20 ก.ค. – ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรป / 24 ก.ค. – ประชุมย่อยโอเปค

แนวรับ 1565-1568/แนวต้าน : 1580 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)

หุ้นแนะนำ

• BANPU (24) : ราคาสะท้อนข่าวร้ายแล้ว ขณะที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ฟื้นตัวจากหน่วยผลิตที่หงสากลับมาผลิตได้เต็มที่ ขณะที่ธุรกิจถ่านหินล็อคราคาขายระยะยาวแล้ว 70%

• BCH (14.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เป็น low season ก่อนเข้าสู่ high season ไตรมาส 3 ซึ่งได้อานิสงค์จากการเข้าสู่หน้าฝนซึ่งผู้ป่วยในประเทศจะมากกว่าปกติ และเกษมราษฎร์เป็นตัวเลือกที่ดีในภาวะที่ค่ารักษาของร.พ.ระดับบนแพง

• TNR* (22) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 มีแนวโน้มฟื้นตัว จากไตรมาส 1/60 ที่ผลการดำเนินงานแย่มาก ทั้งราคายางขึ้น และการแข่งขันรุนแรง ไตรมาสนี้สถานการณ์ฟื้นตัวดีขึ้น core profit คาดฟื้นตัวดี QoQ บวกกับมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX gain) ทำให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มกลับส่ระดับปกติก่อนหน้า คาดส่งผลบวกต่อราคาหุ้น

• ประเด็นลงทุน: TK* (ซื้อขายที่เพียง PER 11 เท่า ปันผล 4.3% ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและราคาสินค้าเกษตร บริษัทปรับเป้าการปล่อยกู้ขึ้นเป็น 10% จาก 5%) / TSR (ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 คาดฟื้นตัวจากหนี้เสียผ่านจุดสูงสุด และม๊โอกาสเติโตจากการจำนำทะเบียน)