MORNING CALL ACTION NOTES (18 ก.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (18 ก.ค.60)

เลือกเล่นรายตัว

ดัชนีปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นตลาดจากแรงหนุนที่คาดว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลัง CPI สหรัฐทรงตัว อย่างไรก็ตามระหว่างวันมีแรงขายออกมาในกลุ่ม Transportation และ Petro chemical ส่งผลให้ตลาดปิดลดลง -3.70 จุด ด้วย Vol. 3.1 หมื่นลบ. โดยปิดสิ้นวันที่ระดับ 1,574.09 จุด ส่วน Foreign Net -567 ลบ. TFEX Net +3,424 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้ +1,621 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+/- DJ อ่อนตัวลงเล็กน้อยด้วยภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

+/- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 46.3 US/Bareel หลัง EIA คาดว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 113,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 5.585 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 แท่น สู่ 765 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015

+/- หนี้สาธารณะของไทยเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 7.9 หมื่นล. ขยับเป็น 42.9% ของจีดีพี สบน.เผยหนี้เพิ่มเพราะปรับโครงสร้างหนี้ 6.5 หมื่นล้าน

+/- Fund Flow ต่างชาติยังคงผันผวนล่าสุดเป็นพลิกเป็น Net Sell ราว 567 ลบ. และเงินบาทแข็งค่าล่าสุด 33.6 Bath/USD

** ติดตามการประกาศงบ Q2/17 กลุ่มธนาคาร ซึ่งคาดว่ากำไรของธนาคารกลุ่มเช่าซื้อจะเติบโตขึ้น ในขณะที่กำไรทั้งกลุ่มธนาคารทรงตัว

** 20 ก.ค. การประชุมนโยบายการเงิน BOJ และ ECB

** STA เพิ่มทุน 256 ล้านหุ้นขาย ผถห.เดิม 5:1 ที่ราคา 10 บ./หุ้น ใช้คืนเงินกู้-ขยายธุรกิจ

ภาวะตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว เนื่องจาก Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนยังคงเป็นแรงกดดันต่อเนื่อง รวมถึงการชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุม ECB BOJ ในวันที่ 20 ก.ค. อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อสะสมหุ้นรายตัวที่งบ Q2/17 เติบโตขึ้นช่วงพยุงดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,565 – 1,585 จุด

กลยุทธ์การลงทุน รอซื้อช่วงอ่อนตัวในกลุ่มที่มีปัจจัยบวก

- SYNEX COM7 กลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า

- กลุ่มที่คาดว่างบ Q2/17 จะเติบโตขึ้น CK BPP RS LH HARN WICE JWD LIT BIZ MGT ECF BEM

- กลุ่มปันผลครึ่งปีสูง ADVANC INTUCH CSL KKP TCAP LH QH SIRI TTW

หุ้นแนะนำพิเศษ

BCPG    (ราคาปิด 14.90 Bloomberg Consensus 15.04)

• Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ 2.23 พันล้านบาทเติบโต 43%YoY เนื่องจากในปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้จาก Solar ญี่ปุ่น 5 MW โรงไฟฟ้าพลังงานลม 20MW ในฟิลิปปินส์ และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียอีก 182 MW โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นจาก 160 MW สู่ 367 MW (ดำเนินการผลิตแล้ว 332 MW และกำลังก่อสร้างอีก 35 MW)

• เตรียมเซ็นกู้ BBL-มิซูโฮ-ไอซีบีซี(ไทย)ใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในอินโดฯ กำลังการผลิต 182 MW ในวันที่ 20 ก.ค. มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 357.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.23 หมื่นล้านบาท

• ความเห็น แนวโน้มผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้โรงไฟฟ้าโซลาร์สหกรณ์และญี่ปุ่นรวม 23 MW เต็มไตรมาส อีกทั้งราคาขายไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามค่าผันแปรไฟฟ้า (Ft) ที่เพิ่มขึ้น 8.87 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค.ตามต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับขึ้น(โซลาร์กำลังการผลิต 118MW เป็นรูปแบบ Adder)

หุ้นมีข่าว

(+) BPP เข้าทำสัญญาเพื่อพัฒนาโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นอีก 2 โครงการ รวม 28 MW พร้อม COD ปี 62

      ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายกำลังการผลิตเนื่องจากบริษัทมี D/E Ratio ต่ำเพียง 0.05 เท่าทำให้มีโอกาสขยายการลงทุนได้มาก โดยบริษัทสนใจลงทุนในโรงไฟฟ้าทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ในประเทศเวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย ญี่ป่น และจีนเพื่อต่อยอดการเติบโตหลังปี 2020

(+) TMB (ราคาปิด 2.34 Bloomberg Consensus 2.41) แจ้งกำไร 2Q60 เท่ากับ 2,330 ลบ. +11%QoQ +8%YoY ดีกว่า Bloomberg Consensus 17% กำไรก่อนตั้งสำรองฯ +15%YoY คชจ.สำรองหนี้สูญ +2%QoQ +14%YoY % gross NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 2.56% จาก 2.53% ในไตรมาสที่แล้ว ไตรมาสนี้มีการ write off NPL เพิ่มอีก 2.3 พันลบ. ส่งผลให้ Coverage Ratio เท่ากับ 140% ลดลงเล็กน้อยจากปลายปี 59 ที่ระดับ 143% สินเชื่อรวมเติบโต 3%YTD จากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายใหญ่ สำหรับกำไร 1H60 เท่ากับ 4,426 ลบ. +4%

(+) CPN ราคาปิด 67.75 ซื้อ ราคาเหมาะสม 75) เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 65% จำนวน 26 ล้านหุ้น มูลค่า 291.75 ลบ.ของบจ.ดาราฮาเบอร์ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ที่พักอาศัย และศูนย์การค้าที่ศรีราชาจากบมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF)

      ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกกับดีลนี้ในการนำมาต่อยอดธุรกิจค้าปลีกของ CPN ในการรักษาฐานการเจริญเติบโตในอนาคตซึ่งเป็นไปตามแผนการเปิดบริการศูนย์ใหม่ปีละ 2-3 แห่งโดยในปีนี้มีแผนเปิดใหม่ 3 แห่งที่จ.นครราชสีมา (ก.ย.60) มหาชัย(พ.ย.60) และภูเก็ตเฟส 2(ธ.ค. 60) ประมาณการกำไรปี 60 ราว 9.5 พันลบ. +3%YoY กำไร 1Q60 คิดเป็น 29% ของประมาณการกำไรทั้งปี ส่วนกำไรปี 61 คาดเติบโต 20% เป็น 1.15 หมื่นลบ. โดยมีปัจจัยหนุนจากการโอนคอนโดฯ 3 โครงการมูลค่ารวม 3 พันลบ.มียอดจองแล้ว 100% สำหรับ PF จะได้ประโยชน์ในการบันทึกรายการพิเศษจากการเงินลงทุนใน Q3 และมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นรวมทั้งนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการอื่น ๆ

(+) BCP เร่งสปีด "โครงการเหมืองลิเทียม" ส่งบริษัทลูก BCPI เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน LAC อีก 50 ล้านหุ้น เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็นระดับ 16.1% ชี้ช่วยหนุนบริษัทเติบโตมั่นคงในอนาคต (ที่มาข่าวหุ้น)

(+) SR เซ็นสัญญาเช่าที่ดินสร้าง-บริหารอาคารจอดรถโรงพยาบาล มธ.รังสิตสัมปทาน 30 ปี

THL เล็งใช้เงินเพิ่มทุนขาย RO ราว 1.4 พันลบ.เพื่อลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่และพลังงานทางเลือก ประมาณ 800 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 400 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

AQ ขายหุ้นเพิ่มทุน PP ล็อต 2 ให้กองทุนตปท.-นักลงทุนรายใหญ่รวม 6 รายระดมทุนได้อีก 1,925 ลบ.

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -8.02 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,629.72 จุด ลดลง 8.02 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,459.14 จุด ลดลง 0.13 จุด หรือ -0.01% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,314.43 จุด เพิ่มขึ้น 1.97 จุด หรือ +0.03% ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และไมโครซอฟต์ จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพ หลังจากแกนนำวุฒิสภาสหรัฐได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพ อันเนื่องมาจากการที่นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัว หลังจากเข้ารับการผ่าตัด

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.52 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 46.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนส.ค. รวมทั้งรายงานที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา