กรธ.รับโอกาสน้อย ทบทวนร่างกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญานักการเมือง ชี้ศาลไม่มีสิทธิเสนอทบทวน
นายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่าในวันที่19ก.ค. นี้ กรธ. จะนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ สนช. ลงมติเห็นชอบแล้วในวาระสาม หลังจากที่ สนช. ส่งเรื่องมายังกรธ.แล้ว โดยจะดูเนื้อหาของร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าบทเปลี่ยนแปลงที่แก้ไขไปนั้นมีประเด็นใดที่กรธ. ติดใจ หรือมีรายละเอียดที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่โดยส่วนตัว ฐานะ อดีต กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ฯ ฉบับดังกล่าวมองว่าในหลักการไม่มีปัญหา และไม่มีส่วนใดที่ขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ส่วนกรณีที่มีบางประเด็นในร่างกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีลับหลังจำเลย หรือกรณีให้ศาลดำเนินการตามกระบวนการตรวจสอบโดยจำเลยไม่ปรากฎตัวต่อศาลนั้น ที่ตัวแทนของศาลยุติธรรมมองว่ามีปัญหานั้น อาจส่งประเด็นมาให้ กรธ. พิจารณาร่วมด้วยก็ได้
“ในประเด็นที่ระบุว่าศาลติดใจนั้น ก่อนหน้าที่ตัวแทนของศาลยุติธรรมก็ได้ใช้สิทธิสงวนความเห็นต่อที่ประชุมสนช. แล้ว โดยเฉพาะมาตรา27ว่าด้วยการพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย หากไม่สามารถนำตัวจำเลยมาแสดงต่อศาล และ มาตรา28ว่าด้วยการรื้อฟื้นคดีพิจารณา หากมีข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงและจำเลยมาแสดงตนต่อศาล ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวได้รับคำชี้แจงคำอธิบายไปแล้ว โดยผลสรุปคือมติที่ประชุมสนช. ข้างมากก็พิจารณาให้บทบัญญัตินั้นผ่านใช้เป็นกฎหมาย” นายอุดม กล่าว
นายอุดม กล่าวด้วยว่าสำหรับประเด็นที่ศาลยุติธรรมติดใจและมองว่าอาจจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้น ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา267กำหนดได้ให้สิทธิผู้ทำความเห็นยัง สนช. มีเฉพาะ กรธ., ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง โดยในที่นี่องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งนี้ ป.ป.ช.ที่ร่วมพิจารณาระบุแล้วว่าเนื้อหาไม่มีปัญหา ดังนั้นจะเหลือเพียง กรธ. ที่เตรียมจะพิจารณา ซึ่งขณะนี้ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะมีการเสนอเพื่อตั้งกรรมาธิการวิสามัญร่วมกันหรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสน้อย.
นายอัชพร จารุจินดา กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่าศาลยุติธรรมกังวลกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องกสรอำนาวยความยุติธรรม จากกรณีที่กำหนดให้สามารถดำเนินคดีลับหลังจำเลย ว่า ในบทเฉพาะกาลกำหนดให้องค์กรและหน่วยงานที่มีสิทธิจะเสนอความเห็นและโต้แย้งต่อประเด็นเนื้อหากฎหมายลูกที่ส่อขัดแย้งต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญไรคือ องค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนองค์กรอื่นที่นอกเหนือจากนั้นไม่มีสิทธิทำความเห็น
“ส่วนที่ศาลเห็นว่าบทบัญญัตินี้มีปัญหาและจะขอแก้ไข โดยตามข้อกฎหมายไม่มีสิทธิเสนอได้โดยตรง แต่อาจจะเสนอส่งผ่านมา กรธ. เพื่อให้ส่งต่อมายัง สนช. ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ร.ป.พรรคการเมืองก็ส่งความเห็นมาทาง กรธ. แต่เรื่องนี้ กรธ. เป็นผู้เสนอเองจึงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาว่าหากศาลยุติธณรมเสนอว่า จะทำควาเห็นหรือไม่” นายอัชพรกล่าว