เปิดแข้งดังที่เคยซบ 3 ยักษ์อิตาลี

เปิดแข้งดังที่เคยซบ 3 ยักษ์อิตาลี

กลายเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลอิตาลีอีกครั้งเมื่อเอซี มิลาน ประกาศคว้าตัว “เลโอนาร์โด โบนุชชี” ปราการหลังทีมชาติอิตาลี จากยูเวนตุส

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วด้วยค่าตัวที่ 40 ล้านยูโร สัญญา 5 ปี และค่าเหนื่อยปีละ 7.5 ล้านยูโร ( 300 ล้านบาท) บวกโบนัสอี 2.5 ล้านยูโร (100 ล้านบาท) ถือเป็นผู้เล่นรายที่ 7 ที่ทีมปีศาจแดงดำคว้ามาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ สำหรับ โบนุชชี เป็นเซนเตอร์แบ็คเบอร์หนึ่งของทีมชาติอิตาลียุคนี้ และหัวใจสำคัญของ ยูเวนตุส ยุคครองความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ เซเรีย อา 6 สมัยซ้อน รวมถึง โคปปา อิตาเลีย 3 ครั้งหลังสุด

ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่แวดวงฟุตบอลอิตาลีให้ความสนใจ แม้ว่าช่วงหลายปีหลังเอซี มิลานจะมีผลงานตกต่ำลงไป แต่หลังจากได้นายทุนใหญ่จากจีนเข้ามากอบกู้ทีมจนมีการทุ่มเงินซื้อผู้เล่นมาหลายราย และถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีสิทธิ์ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญของยูเว่อีกครั้งดังเช่นในอดีต

8 ผู้เล่นจากยูเว่สู่มิลาน

ความจริงแล้วเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต เมื่อครั้งที่ยูเวนตุสและมิลาน เป็นสุดยอดทีมที่แข่งขันชิงชัยกัน ทีมม้าลายก็เคยปล่อยผู้เล่นให้ทีมศาจแดงดำมาแล้วก่อนหน้านี้ 8 คน เริ่มจาก “ฟาบิโอ คาเปลโล” ที่ขายให้กับมิลาน เมื่อปี 1976 ด้วยค่าตัว 100 ล้านลีร์ ซึ่งน่าสนใจคือ หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลคาเปลโล่ ก็ยังเคยเป็นกุนซือของทั้งยูเว่ และ มิลาน และพาทั้งสองทีมประสบความสำเร็จ

คนต่อมาคือ “เปาโล รอสซี” อดีตดาวซัลโวฟุตบอลโลก ปี 1982 ศูนย์หน้าเจ้าของฉายา “ลูกระเบิด” ถูกขายให้มิลาน ปี 1985 แต่ผลงานกับทีมปีศาจแดงดำถือว่าล้มเหลว ทำได้แค่ 2 ประตูจาก 20 นัด ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาจะย้ายไปอยู่กับเวโรน่า

จนกระทั่งมาถึงคนที่สี่ ซึ่งถือว่าเป็นดีลสะท้านโลกในยุค 90 นั่นคือเทพบุตรเปียทองคำ “โรแบร์โต บาจโจ้” ในช่วงทศวรรษที่ 90 บักโจ้ คือหนึ่งในสุดยอดนักเตะที่ดีที่สุดของโลก พาต้นสังกัดยูเวนตุสประสบความสำเร็จทั้งกัลโช เซเรีย อา,โคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า คัพ ส่วนรางวัลส่วนตัวนั้นเคยได้ทั้งรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า(FIFA World Player of the Year) รวมไปถึงบัลลงดอร์ มาแล้ว

หลังพาทีมคว้าสคูเด็ตโต ในฤดูกาล 1994-1995 มีกระแสข่าวว่าบาจโจ้ ไม่ขอต่อสัญญากับสโมสร ซึ่งทางยูเวนตุสเองก็ไม่ง้อบาจโจ้เสียด้วย เพราะขณะนั้นทีมกำลังมีสตาร์ดาวรุ่งดวงใหม่ที่กำลังร้อนแรงก้าวขึ้นมา นั่นคือ “อเลสซานโดร เดล ปิเอโร” ถึงขนาดมีการลือกันว่าทางสโมสรจะมอบหมายเลขเสื้อเบอร์สิบของบาจโจ้ ให้กับเดล ปิเอโร เลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นโอกาสของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปที่อาจจะได้ตัวบาจโจ้ไปร่วมทีม มีทีมที่ให้ความสนใจไล่ตั้งแต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,เรอัล มาดริด,แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ นิวคาสเซิล (รายนี้มั่นใจถึงขนาดทำเสื้อหมายเลขสิบสกรีนชื่อของบาจโจ้ออกมาขายแฟนบอลแล้ว)

แต่ก็เกิดเรื่องช็อคครั้งใหญ่เมื่อกลายเป็นทีมคู่แข่งร่วมลีกที่กำลังแย่งชิงความยิ่งใหญ่อย่าง เอซี มิลาน ที่นำโดย ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ประธานสโมสรชื่อดังของทีมปีศาจแดงดำ คว้าตัวโรบี้ บาจโจ้ ไปอย่างเหนือความคาดหมาย

อย่างไรก็ตามเส้นทางชีวิตลูกหนังของ“บาจโจ้”ในสีเสื้อมิลานไม่ค่อยสวยหรูนักแม้ว่าจะได้แชมป์เซเรีย อา แต่เจ้าตัวไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่ ได้อยู่กับมิลานแค่สองซีซั่นก่อนจะถูกขายต่อให้โบโลญญา

ถัดจากบาจโจ้เข้าสู่ช่วงปลายยุค 90 ไปจนถึงยุค 2000 ก็ยังมีปิเอโตร เวียร์โควอด ในฤดูกาล 1996-1997 แต่ที่ดังที่สุดคงเป็นฟิลิปโป อินซากี ศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลีที่ย้ายไปถิ่นซาน ซีโรในฤดูกาล 2001-2002 และถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้มิลาน ประสบความสำเร็จในหลายรายการทั้งในอิตาลี และระดับทวีปอย่างแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกปี 2003 และ 2007

นอกจากนี้ยังมีนิโกลา เลกร็อตตาเย ในปี 2010-2011,อัลแบร์โต อาควิลานี ปี 2011-2012 และอเลสซานโดร มาตรี ปี 2013-2014ก่อนที่ล่าสุดจะเป็น เลโอนาร์โด โบนุชชี

นักเตะที่เคยเล่นให้สามยักษ์ใหญ่ในอิตาลี

ฟุตบอลอิตาลี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีนักฟุตบอลย้ายไปอยู่กับทีมที่เป็นคู่แข่งมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ หากพิจารณาทีมที่เป็นคู่แข่งแย่งความสำเร็จกันในแดนมักกะโรนี สามทีมคือยูเวนตุส,เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน พบว่ามีถึง 11 คนที่เคยค้าแข้งให้กับสามสโมสรใหญ่นี้ ได้แก่ ลุยจิ เชเวนินี,จูเซ็ปเป เมอัซซา, เอ็นรีโก กันเดียนี,อัลโด เซเรนา,โรแบร์โต บาจโจ,เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คริสเตียน วิเอรี, ปาทริค วิเอรา,ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, อันเดรีย ปีร์โลและ เลโอนาร์โด โบนุชชี ก็เช่นกัน การย้ายทีมครั้งล่าสุดของนักเตะวัย 30 ปีรายนี้ทำให้เขาเล่นให้ครบสามทีมใหญ่ในอิตาลี

สามทีมดังกล่าวแม้ว่าเป็นคู่แข่งแย่งความสำเร็จ แต่กลับไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับการต่อต้านจากแฟนบอลมากนัก

หากจะเปรียบเปรยกับสำนวนที่ว่า “เงินมาผ้าหลุด” ให้กับนักฟุตบอลเหล่านี้ก็อาจจะไม่ตรงสักเท่าไหร่

น่าจะเป็นลักษณะ “วิน-วิน” กันทั้งสามฝ่ายมากกว่า

ทั้งนักเตะที่ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น สโมสรที่ขายได้เงิน และ ฝ่ายที่ซื้อก็ได้นักฟุตบอลที่ต้องการ ฟุตบอลอิตาลีจึงเป็นไปด้วยประการฉะนี้