พบไข่เต่าทะเลกว่า90ฟอง ที่หาดปะตกเกาะราชา

พบไข่เต่าทะเลกว่า90ฟอง ที่หาดปะตกเกาะราชา

ขุดพบไข่เต่าทะเลกว่า 90 ฟอง บนเกาะราชา จ.ภูเก็ต หลังมีรอยเท้าขุดหลุมวางไข่ คาดเป็นเต่าตนุอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี เจ้าหน้าที่ร่วมกันเคลื่อนย้ายไปไว้จุดปลอดภัย รอการฟักตัวใช้เวลา 45-60 วัน

กรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สบทช.6) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ประจำเกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมเดอะราชา ว่า พบรอยเท้าเต่าทะเลขนาดใหญ่ ขึ้นมาวางไข่บริเวณชายหาดปะตก เกาะราชา หลังรับแจ้งได้รายงาน นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.6 ทราบ และเดินทางไปตรวจสอบยังจุดที่รับแจ้งซึ่งอยู่หน้าชายหาดฯ พบมีรอยเท้าของเต่าทะเลขนาดใหญ่เดินขึ้นมาจากน้ำทะเล จนถึงริมกำแพงของโรงแรมฯ ระยะทางประมาณ 26 เมตร และรอยเท้าเดินลงทะเลระยะทางประมาณ 15 เมตร โดยพบร่องรอยการขุดหลุมทรายและปิดกลบไว้ จึงได้นำเชือกมากั้นไว้โดยรอบเป็นสัญลักษณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการไปรบกวนบริเวณดังกล่าว

บ่ายวานนี้ (15ก.ค.2560) เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.6 ชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเอง เกาะราชาใหญ่ และพนักงานโรงแรมเดอะราชา ได้ช่วยกันทำการขุดหลุมทรายที่คาดว่า เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ พบว่า ภายในหลุมมีไข่เต่าทะเลจริงๆ จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายไปไว้ในจุดปลอดภัย เพื่อทำการเพาะฟักต่อไป จากการตรวจสอบพบว่า มีไข่เต่าทะเลจำนวน 94 ฟอง และได้แตกไป 7 ฟอง คงเหลือ 87 ฟอง เบื้องต้นคาดว่าเป็นเต่าตนุซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี

จากการสอบถามไปยังนายสฤษดิ์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเอง เกาะราชาใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการพบรอยเท้าของเต่าทะเลและร่องรอยของหลุมวางไข่ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (14ก.ค.60) และได้แจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ โดยช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีการขุดดูแล้วแต่ปรากฏว่าไม่เจอ กระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ (15ก.ค.60) เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ ได้มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าวอีกครั้งและขยายพื้นที่ในการขุดออกไปกระทั่งพบไข่เต่าทะเลถูกฝังอยู่ใต้พื้นทราย นับได้ 94 ฟอง แต่น่าเสียดายในระหว่างขุด เนื่องจากพลั่วไปโดนไข่เต่าแตกไป 7 ฟอง จึงเหลืออยู่เพียง 87 ฟอง จึงได้เคลื่อนย้ายไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมและปลอดภัย เพื่อทำการเพาะฟักเป็นตัวต่อไป คาดใช้เวลา 45-60 วัน สอบถามเจ้าหน้าที่ฯ ทราบว่า เต่าตัวนี้น่าจะเป็นเต่าตนุ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี พร้อมกันได้มีการขอความร่วมมือจากทางโรงแรมเดอะราชางดฉายไฟสปอร์ตไลท์ลงมายังชายหาดในระยะนี้ เพราะคาดว่าภายใน 15 วันเต่าตัวนี้จะกลับขึ้นมาวางไข่อีกครั้ง

“เหตุที่ต้องขุดและนำไปเพาะฟัก เนื่องจากบริเวณที่เต่าวางไข่ หากฝนตกจะมีน้ำท่วมขัง และในหน้ามรสุมน้ำทะเลจะพัดมาถึงบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับไข่เต่าและไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ จึงต้องเคลื่อนย้ายไปไว้ในจุดปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ และเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นผู้ดำเนินการตามหลักวิชาการทุกประการ และทางชมรมฯ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ฯ ว่า ขอให้เพาะฟักไว้บนเกาะ เนื่องจากโดยสัญชาตญาณของเต่า หากฟักออกมาที่ใดเมื่อโตขึ้นเขาก็จะกลับมาที่นั้นอีก และเมื่อฟักเป็นตัวแล้วก็ให้เจ้าหน้าที่นำไปอนุบาลต่อที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ จนถึงอายุที่เหมาะสม สามารถปล่อยกลับคืนทะเลได้ก็ขอให้นำมาปล่อยที่เกาะราชาด้วย” นายสฤษดิ์กล่าว

ด้านนายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.6 กล่าวว่า ไข่เต่าที่พบนั้น เป็นไข่เต่าตนุ ซึ่งการเพาะฟักจะใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน จากนั้นก็จะมีการอนุบาลต่อไปจนมีอายุที่เหมาะสม คือประมาณ 1 ปี จึงจะปล่อยกลับสู่ทะเลได้

ขณะที่ผู้ใช้ชื่อ Seaman Freeman อาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นผู้นำภาพการพบรอยเท้าของเต่าทะเลและภาพการขุดพบไข่เต่าทะเล บริเวณอ่าวปะตก เกาะราชา มาเผยแพร่ผ่านทางกลุ่มไลน์ชมรมHealthy Reefsกล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ไปทำงานบนเกาะรวมเวลาประมาณ 14 ปี ไม่เคยพบเห็นเต่ามาวางไข่บนเกาะแห่งนี้เลย และจากที่ได้พูดคุยกับคนบนเกาะ คาดว่าเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ไม่มีเต่าขึ้นมาวางไข่ จึงถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่แสงดให้เห็นถึงความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของพื้นที่บริเวณนี้ รวมทั้งเป็นความสำเร็จของความร่วมมือร่วมใจกันของคนบนเกาะที่ช่วยกันดูแลและอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งมาโดยตลอด ประกอบกับในระยะหลัง ไม่มีการทำประมงแบบอวนล้อมใกล้กับฝั่งของเกาะราชา