‘ร่วมอิสระ’ลุยลงทุนโครงการมิกซ์ยูส
“ร่วมอิสระ” ปั้นอาณาจักรทิวทะเลเอสเตท โมเดลต้นแบบ “มิกซ์ยูส” เล็งผุด 3-4 โครงการ
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสระ จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจ 3-5 ปีจากนี้ บริษัทมีแผนขยายโครงการมิกซ์ยูสมากขึ้น นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม เรสซิเดนซ์ โรงแรม โดยจะมีโครงการทิวทะเลเอสเตทให้ต้นแบบของการพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูส ที่หลังจากนี้จะเติมเต็มส่วนประกอบต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์แบบ
ปัจจุบันโครงการทิวทะเลเอสเตท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ บ้านทิวทะเล มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท บ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ มูลค่า 1,920 ล้านบาท และโครงการบลู มูลค่า 1,500 ล้านบาท ทั้ง 3 โครงการตั้งอยู่ภายในอาณาจักรทิวทะเลเอสเตท บริเวณชายหาดชะอำ-หัวหิน พื้นที่รวม 110 ไร่ ซึ่งปัจจุบันใช้พื้นที่พัฒนาโครงการแล้ว 30-40% ที่ดินส่วนที่เหลือมีแผนพัฒนาสถานีบริการน้ำมันบริเวณหน้าทางเข้า วางคอนเซปต์เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ มีจุดแวะพักสาธารณะขนาดใหญ่ คาดเริ่มก่อสร้างปี 2561
นอกจากนี้ ยังสนใจพัฒนาธุรกิจเวลเนสในโครงการทิวทะเลเอสเตท สอดรับเทรนด์สุขภาพที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล
ปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการขยายโรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน ระดับลักชัวรี จำนวน 18 ยูนิต รวมถึงโครงการพูลวิลล่า 11 ยูนิต บริเวณหน้าชายหาดชะอำ-หัวหิน มูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท คาดเปิดบริการ เดือน ต.ค.นี้ เบื้องต้นกำหนดราคาเข้าพักเฉลี่ย 1.2 -2.2หมื่นบาทต่อคืน
สำหรับภาพรวมการขายคอนโด 3 โครงการในทิวทะเล ได้แก่ บ้านทิวทะเล อความารีน มียอดขายแล้วมากกว่า 90% จากจำนวนรวม 270 ยูนิต ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 2.9-40 ล้านบาท บ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ มียอดขาย 70% จาก 421 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.9-21 ล้านบาท และคอนโด บลู มียอดขาย 45% จาก 491ยูนิต
ทั้งนี้ ตลาดชะอำ-หัวหิน สามารถระบายสต็อกได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีราคาขายที่พักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 9 หมื่นบาทต่อตร.ม. ส่วนราคาขายสูงสุดอยู่บริเวณหน้าหาดเฉลี่ย 1.5 -1.6 แสนบาทต่อตร.ม.
“อสังหาฯ บริเวณนี้ยังน่าสนใจเพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีสต็อกสินค้าใหม่เข้ามาเติมซัพพลายในตลาดค่อนข้างน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจ และการเข้าใจว่าที่ดินติดริมชายหาดมีจำนวนจำกัด หาที่ดินแปลงใหญ่ที่จะมาพัฒนาโครงการที่พักอาศัยได้ยาก”
ส่วนภาพรวมการขายโครงการคอนโดและที่พักอาศัยอื่นๆ ในเครือ โดยเฉพาะตลาดกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ยังขายได้ต่อเนื่อง เช่น โครงการบ้านหรู บริเวณพระราม9 เปิดตัวปีก่อนขายได้แล้ว 5 ยูนิต จาก 20 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นยูนิตละ 89-120 ล้านบาท ส่วนโครงการที่เชียงใหม่ เริ่มโอนกลางปีหน้า มียอดขายแล้วกว่า 50% จาก 265 ยูนิต ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.99-4.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมยอดขายช่วงครึ่งปีแรกยังเติบโต แต่ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เล็กน้อย ส่วนภาพรวมในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามียอดรับรู้รายได้ 493 ล้านบาท กำไรสุทธิเติบโต 23%
สำหรับภาพรวมตลาดลักชัวรี ซึ่งบริษัทมีสินค้าในเซ็กเมนท์นี้มากสุดยังมีทิศทางที่ดี ส่วนตลาดระดับบี-ซี มีซัพพลายและผู้เล่นจำนวนมาก จึงไม่สนใจทำตลาดเซ็กเมนท์นี้มากนักเทียบตลาดบนลูกค้าซื้อเงินสดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70%