โบรก 'ออนไลน์ญี่ปุ่น' จ่อบุกตลาดหุ้นไทย

โบรก 'ออนไลน์ญี่ปุ่น' จ่อบุกตลาดหุ้นไทย

โบรกออนไลน์"ญี่ปุ่น" จ่อบุก "ตลาดหุ้นไทย"

บริษัทหลักทรัพย์ออนไลน์ญี่ปุ่น เตรียมเปิดให้บริการในตลาดหุ้นไทยเพิ่มครึ่งปีหลัง ด้านบล.ทิสโก้ประเมินอุตสาหกรรมแข่งดุ คาดวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของปีนี้ต่ำกว่าปี 2559 ที่แตะ5.5 หมื่นล้านบาท พร้อมรักษาสัดส่วนสถาบัน 50% 

แหล่งข่าวบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะ มีบริษัทหลักทรัพย์ประเภทออนไลน์เทรดดิ้ง จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเปิดให้บริการมากขึ้น โดยจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่เน้นการให้บริการรูปแบบออนไลน์โดยตรง และถือว่าเป็นรายที่ 2ในตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่จากบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ที่เปิดให้บริการไปก่อนหน้านี้

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ กล่าวว่าธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์นั้น การแข่งขันยังอยู่ในระดับที่สูง และจากการเข้ามาของบริษัทหลักทรัพย์น้องใหม่ที่เปิดให้บริการมากขึ้น ทั้งการแข่งขันด้านราคาที่มีมาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่ยังซบเซา

ทั้งนี้ ทิศทางของมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) เฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะอยู่ในระดับ 4.9 หมื่นล้านบาท สูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่มีมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากปัจจัยต่างประเทศที่คลายตัวมากขึ้น และการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่จะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคต

“ปัจจัยในต่างประเทศ นักลงทุนเริ่มคลายกังวลปัญหาการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ รวมถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปเริ่มฟื้นตัว ซึ่งส่งผลดีกับการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น”

ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยยังเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าหลายสาย น่าจะส่งผลให้การซื้อขายของตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวตามไปด้วย แต่แม้ว่าการซื้อขายจะฟื้นตัวแต่เชื่อว่ามูลค่าการซื้อขายปีนี้จะยังต่ำกว่าปี 2559 ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มีปัจจัยพิเศษเข้ามากระทบ

ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากนักลงทุนรายบุคคล 50 % และนักลงทุนสถาบัน 50%

แผนการทำงานบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ยังเน้นนโยบายการไม่ปรับลดค่าคอมมิชชั่น จะคงระดับไว้ให้สูงกว่า 0.20% และไม่เน้นส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจ โดยจะเน้นการให้บริการในด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง

ส่วนนักลงทุนสถาบันต่างชาติ ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงเช่นกัน โดยการแข่งขันจะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1 การรับคำสั่งซื้อขายผ่านระบบเดิมและการให้บริการบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ 2.การเชื่อมต่อระบบการซื้อขายจากต่างประเทศโดยตรง ซึ่งจะมีระดับค่าคอมมิชชั่นต่ำกว่าปกติ และประเภทที่ 3 ผ่านโปรแกรมการซื้อขาย ซึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จะเน้นการซื้อขายในรูปแบบการส่งคำสั่งแบบเดิม และเน้นคุณภาพบทวิเคราะห์เป็นหลัก เพื่อรักษาระดับราคาคอมมิชชั่นในระดับที่สูงต่อไป