หวั่น 'หนี้เสีย' แบงก์ใหญ่พุ่ง

หวั่น 'หนี้เสีย' แบงก์ใหญ่พุ่ง

หวั่น “หนี้เสีย” แบงก์ใหญ่พุ่ง โบรกคาด“กสิกรไทย”จัดชั้นหนี้“เอิร์ธ”ขึ้นเอ็นพีแอล ตลาดหลักทรัพย์ยันไม่ใช่จุดที่น่ากังวลเชื่อสถาบันการเงินรับมือได้

โบรกเกอร์ประเมินเอ็นพีแอลของกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ จะเพิ่มขึ้นจากผลกระทบกรณีหนี้เอิร์ธ คาด“กสิกรไทย”จัดชั้นหนี้เป็นเอ็นพีแอล จากมูลหนี้ประมาณ 4 พันล้าน แต่มองผลกระทบระยะสั้น ด้านตลาดหลักทรัพย์ยันไม่กระทบภาพรวมกลุ่ม เพราะสถาบันการเงินเข้มแข็งยังไม่ถึงจุดที่น่ากังวล

จากกรณีที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) KTB ออกมายอมรับว่าธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) EARTH ทั้งหมด 1.2 หมื่นล้านบาท และจัดชั้นเป็น NPL หลังบริษัทผิดนัดชำระหนี้แล้ว โดยธนาคารจะตั้งสำรองกรณี EARTH ให้เสร็จในไตรมาส 2ปี2560 และต้องตั้งทั้งก้อนเพราะหลักประกันแทบไม่มีมูลค่าเนื่องจากเป็นหุ้น ซึ่งจะกระทบต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2ปีนี้อย่างแน่นอน

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยได้เคยคาดการณ์กำไรไตรมาส 2ปี2560ของแบงก์กรุงไทยจะอยู่ที่ 7.8 พันล้านบาทนั้น ถือว่าสูงเกินไปมาก ด้าน NPL ratio แบงก์กรุงไทย จะพยายามรักษาไว้ให้ไม่เกิน 4.8% ของสินเชื่อรวม จาก 4.28% ในสิ้นปี 2559 ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำลดการลงทุนในหุ้นแบงก์กรุงไทยไปก่อน

สำหรับธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK ซึ่งก่อนหน้านี้ คาดว่าจะปล่อยกู้ให้ EARTH 3.8 พันล้านบาท คาดว่าจะจัดชั้นหนี้นี้เป็น NPL ด้วยเช่นกัน และธนาคารยังจะตั้งสำรองฯ สูงในไตรมาส 2ปีนี้ (แต่ยังไม่ทราบว่าเท่าไร เพราะขึ้นกับหลักประกันที่ EARTH ให้ไว้ว่าเป็นหุ้นหรือเป็นสินทรัพย์ประเภทอื่น) อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ทำให้ประมาณการกำไรไตรมาส 2ปีนี้ มีโอกาสปรับลดลงและอาจต่ำกว่า 9.6 พันล้านบาทตามที่ทาง คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามระยะสั้น Sentiment กลุ่มธนาคารพาณิชย์อาจกระทบกระเทือน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพราะกรณี NPL ของ EARTH เพราะทำให้ตลาดกังวลว่าจะมีกรณีอื่นอีกหรือไม่และเป็นของธนาคารไหน และฝ่ายวิจัยมองว่าแบงก์เล็กเสี่ยงเรื่อง NPL & ตั้งสำรองฯน้อยกว่าแบงก์ใหญ่

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ประเด็น EARTH คาดว่าน่าจะกระทบเจ้าหนี้รายอื่น ๆ เช่น ธนาคารกสิกรไทย แม้ที่ผ่านมาได้มีการตั้งสำรองฯ ไปแล้ว 4 พันล้านบาท แต่ต้องติดตามว่าจะต้องมีการตั้งสำรองฯ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้น ธนาคารที่ไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ คาดหวังเงินปันผลได้สูง

จากการที่ KTB ออกมายอมรับว่าได้จัดชั้นลูกหนี้ EARTH มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาทเป็น NPL ในไตรมาส2ปีนี้ และจะต้องกันสำรองหนี้ฯ เพิ่มอีกราว 4 พันล้านบาท (เดิมได้ตั้งสำรองฯ แล้ว 8 พันล้านบาท) โดยไม่คิดมูลค่าหลักประกัน (ซึ่งเป็นหุ้น EARTH) ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ NPL ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นงวดไตรมาส 2นี้ เพิ่มขึ้นเป็น 4.88% จาก 4.36% ณ สิ้นไตรมาสแรก (ไม่รวม NPL ลูกหนี้รายอื่นๆ ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น) และสูงกว่าสมมติฐานเดิมที่ประเมินไว้เพียง 3.80% ส่งผลให้ต้องปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 และ 2561 ลง 20.9% และ 9.3% จากเดิม ประมาณการใหม่กำไรสุทธิปี 2560 จะหดตัวถึง 15.5%จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่จะพลิกกลับมาเติบโต 20.6%จากงวดเดียวันกันปีก่อนในปี 2561 ส่วนไตรมาส2ปีนี้คาดว่าผลประกอบการจะหดตัวถึง หดตัว 44.9%จากงวดเดียวกันปีก่อน

นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากกรณีแบงก์กรุงไทยตั้งสำรองเอิร์ธ คาดจะมีผลกระทบต่อกำไรกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 2 ปีนี้ลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก หลังจาก่อนหน้าประเมินหากไม่มีปัจจัยของแบงก์กรุงไทยเข้ามากระทบ กำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาสสองจะลดลงเพียง 3%  ขณะที่ประเมินกำไรกลุ่มแบงก์ทั้งปี 2560 นั้นจะอยู่ที่ 2.07 แสนล้าน หรือเติบโตเพียง 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยการกันสำรองของแบงก์กรุงไทยดังกล่าวทั้งนี้หากไม่มีปัจจัยดังกล่าวเข้ามากระทบ กลุ่มแบงก์จะมีกำไรเติบโต 7.2%

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ที่ทยอยประกาศออกมานั้น คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี แม้ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ใช่จุดที่น่ากังวลในด้านความเข้มแข็งของสถาบันการเงินและยังไม่น่าเป็นห่วง

การเคลื่อนไหวราคาหุ้นแบงก์กรุงไทยวานนี้(13ก.ค.)ปิดตลาดที่ 18.70 บาท ลดลง 1.58%มูลค่าการซื้อขายรวม 1.25 พันล้านบาท