“ธนารักษ์”เล็งนำที่ราชพัสดุจัดสรรชุมชนเช่าราคาถูก

“ธนารักษ์”เล็งนำที่ราชพัสดุจัดสรรชุมชนเช่าราคาถูก

อธิบดีกรมธนารักษ์เผยมีแผนนำที่ราชพัสดุบางแปลงให้ชุมชนเช่าราคาถูก หนุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน สนับสนุนนโยบายรัฐมุ่งเสริมรายได้จากธุรกิจภาคบริการ เตรียมเสนอ ครม.ทบทวนให้ผู้มีสิทธิ์เช่าที่ราชพัสดุรวมถึงวิสาหกิจชุมชน

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ มีนโยบายที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยววิถีชุมชน โดยมีแผนนำที่ดินราชพัสดุบางแปลง ที่อยู่ในชุมชนต่างๆทั่วประเทศ นำมาให้ชุมชนเช่าในราคาถูก เพื่อเสริมการพัฒนาให้ชุมชนเป็นชุมชนที่น่าท่องเที่ยว

หากไทยต้องการปรับเปลี่ยนจากการเป็นประเทศที่เน้นรายได้จากภาคอุตสาหกรรม มาเป็นประเทศที่เน้นรายได้จากภาคบริการ (Service)เหมือนเช่นที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้พัฒนาภาคบริการโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว จนสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล ก็ควรสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในชุมชนต่างๆทั่วประเทศ และยังเป็นการกระจายรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม การให้ชุมชนเช่าใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ อาจติดปัญหาว่า ชุมชน หรือวิสาหกิจชุมชน จะสามารถเช่าที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ได้หรือไม่ ซึ่งอาจต้องขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติทบทวนในเรื่องผู้ที่มีสิทธิ์เช่าที่ราชพัสดุ โดยให้รวมถึงวิสาหกิจชุมชนด้วย

“ยกตัวอย่าง ชุมชน อัมพวา ก่อนที่จะกลายเป็นตลาดน้ำอัมพวานั้น เดิมชุมชนแห่งนี้ก็เหมือนชุมชนชนบทอื่นๆที่คนหนีออกไปทำมาหากินนอกชุมชน ซึ่งมีรายได้ดีกว่า เหลือแต่คนแก่ ทำให้ชุมชนไม่มีชีวิตชีวา แต่เมื่อมีผู้นำชุมชนที่มีวิสัยทัศน์มาฟื้นชุมชนแห่งนี้ ทำให้ตลาดน้ำอัมพวา กลายเป็นชุมชนท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆของประเทศ คนในชุมชนก็มีรายได้ ไม่จำเป็นต้องออกไปหางานนอกชุมชน”

ในปัจจุบัน การท่องเที่ยวในชุมชน เพื่อเรียนรู้วิถีชุมชน กำลังกลายเป็นวิถีการท่องเที่ยวแบบใหม่ในประเทศไทย ซึ่งมีชุมชนหลายชุมชนที่มีการเกาะเกี่ยวรวมตัว เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน เช่น ชุมชนวัดจำปา ในเขตตลิ่งชัน ซึ่งเป็นชุมชนสวนเกษตรริมคลอง มีสวนผัก สวนกล้วยไม้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้งานช่างฝีมือต่างๆ เช่น งานเขียน,งานปั้น,งานแทงหยวก,งานบายศรี และการทำน้ำอบน้ำปรุง เป็นต้น รวมถึงมีโฮมเสตย์ให้นักท่องเที่ยวด้วย

ทั้งนี้ ในปี 2559 ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม ทั้งสิ้น 2.510 ล้านล้านบาท คิดเป็น 17.7%ของจีดีพีในจำนวนนี้เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวในประเทศ 1.641 ล้านล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 8.69 แสนล้านบาท ทั้งนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 ขยายตัวสูงกว่าปี2558 จำนวน 11.09%,ข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สำหรับธุรกิจที่ได้รับรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดได้แก่ ธุรกิจสถานพักแรม 5.8 แสนล้านบาท รองลงมา คือ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 4.48 แสนล้านบาท,ขนส่งทางบก 1.36 แสนล้านบาท,ขนส่งทางอากาศ 1.22 แสนล้านบาท และกีฬาและนันทนาการ 1 แสนล้านบาท โดยธุรกิจท่องเที่ยวมีส่วนจ้างแรงงาน ราว 4.23 ล้านคน

การนำที่ราชพัสดุสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือEECด้วยว่า ว่า กรมธนารักษ์ พร้อมที่จะลดค่าเช่าที่ราชพัสดุที่จะนำมาจัดสรรให้กับนักลงทุนที่จะมาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ตามปกติที่ราชพัสดุที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ จะมีค่าเช่าในอัตราเริ่มต้นที่3%ของมูลค่าทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ในกรณีพื้นที่ในเขตEEC กรมฯอาจพิจารณาปรับลดค่าเช่าให้ต่ำกว่า3%เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนในเขตดังกล่าว

ทั้งนี้ ในเขตEECนั้น บางพื้นที่จะเป็นแหล่งเพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นพื้นที่ที่สร้างประโยชน์ เป็นตัวเงิน แต่สามารถนำผลงานวิจัยและพัฒนาไปต่อยอดผลิตสินค้าได้นั้น ในบางประเทศ ไม่ได้คิดค่าเช่าที่เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น ในพื้นที่ที่ทำกิจกรรมดังกล่าว จะต้องมีการพิจารณาเพื่อดูในเรื่องค่าที่ดินให้เหมาะสม เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนในเขตดังกล่าว

สำหรับที่ราชพัสดุ เพื่อสนับสนุนEECนั้น ขณะนี้ กรมธนารักษมีที่ดินแปลงใหญ่ จำนวน2แปลงใหญ่ คือ ที่ดินที่ กสท. ครอบครอง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของจานดาวเทียม และเป็นจุดเชื่อมต่ออินเตอร์เนต ผ่านเคเบิลใต้น้ำ เชื่อมไปยังต่างประเทศ มีเนื้อที่ทั้งหมด830ไร่ ซึ่งบริเวณนี้วางแผนที่จะพัฒนาเป็นdigital park Thailand และรวมถึงอุตสาหกรรมRobotic Aerospace เป็นต้น

แปลงที่สอง คือ สนามบินอู่ตะเภา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เนื้อที่ 6.5พันไร่ ทั้งนี้ สนามบินอู่ตะเภา เตรียมที่จะพัฒนารันเวย์ที่สอง และสร้างเทอร์มินอลเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสาร15ล้านคนในอีก5ปีข้างหน้า30ล้านคนใน10ปีข้างหน้า และ60ล้านคนในอีก15ปีข้างหน้า นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ ยังได้เตรียมพื้นที่ราชพัสดุอีกพื้นที่ประมาณกว่า6,000 ไร่เพื่อสนับสนุนEECแบ่งเป็น จังหวัด ระยอง1,400ไร ชลบุรี741ไร่ และ บางน้ำเปรียว ฉะเชิงเทรา4,200ไร่