'บีกริม' ยอมให้ส่วนลดไอพีโอ

'บีกริม' ยอมให้ส่วนลดไอพีโอ

“บีกริม”ยอมให้ส่วนลดไอพีโอ "เคาะราคา 16 บาท" ต่ำกว่ากรอบสูงสุดแม้สถาบันจองล้น ผู้บริหารแจงหวังรักษาเสถียรภาพราคาหุ้น

บี.กริม เพาเวอร์ เคาะไอพีโอ ต่ำกว่าราคาสูงสุด 16.50 บาท แม้สถาบันแห่จองซื้อสูงกว่าที่จัดสรร 6.5 เท่า ผู้บริหารหวังสร้างเสถียรภาพราคาหุ้น พร้อมนำเงินระดมทุน 1 หมื่นล้าน ชำระหนี้ ด้านที่ปรึกษาทางการเงิน มั่นใจได้รับการตอบรับดี ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ บริษัทยอมให้ส่วนลดจูงใจรายย่อยช่วงภาวะตลาดซึม

นางปรียนาถ สุนทรวาทะประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) ของบริษัทที่ 16.00 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าที่ระดับสูงสุดของกรอบราคา ที่ 16.50 บาทต่อหุ้น มองว่าการกำหนดราคาดังกล่าวจะช่วยให้หุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากเข้าทำการซื้อขาย โดยบริษัทจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ 

“บริษัทประเมินว่าการกำหนดราคาจองซื้อที่ 16.00 บาทเป็นราคาที่เหมาะสม และจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับบริษัทหลังจากเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  การระดมทุนของบริษัท ทั้งซื้อหุ้นไอพีโอ ผู้ที่เข้าลงทุนหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ และบริษัท ต้องได้รับประโยชน์สูงสุดร่วมกัน”

ทั้งนี้ จากการพบนักลงทุนสถาบัน ให้การตอบรับที่ดีมาก มียอดจองซื้อสูงกว่าการจัดสรรไว้ถึง 6.5 เท่า  มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบัน เข้าซื้อหุ้นไอพีโอที่ระดับ 77 % ของหุ้นทั้งหมด โดยนักลงทุนสถาบันที่ได้ทำการขอจองซื้อหุ้นไอพีโอ ก่อนมีการจัดสรร เกือบ 30 % ทั้ง  ธนาคารพัฒนาเอเชีย ที่เข้ามาลงทุนในบริษัท ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เข้าลงทุนในกลุ่มเอเชีย 

การเข้ามาของกลุ่มดังกล่าวยังให้การสนับสนุนในเรื่องการให้ปล่อยกู้เงินกับบริษัท จำนวน 2 รายการ คือ การปล่อยสินเชื่อระยะสั้น ในวงเงิน 20 ล้านดอลลาร์ ที่อัตราดอกเบี้ย 1.5% และมีการปล่อยสินเชื่อระยะยาวอีก 230 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มไทยประกันชีวิต และเมืองไทยประกันชีวิตเข้าลงทุนด้วย

โดยการเติบโตของบริษัทในอนาคตจะมีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะรับรู้รายได้การจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่ประเทศลาว กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ในสิ้นเดือนนี้ และในปีหน้า จะมีการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าประเภท เอสพีพี 3 โรง กำลังการผลิตรวม 360 เมกะวัตต์ และเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ประเทศลาวอีก 15 เมกะวัตต์ โดยเงินที่ได้รับจากการระดมทุนจำนวน 11,470 ล้านบท จะใช้ชำระหนี้สถาบันการเงิน ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อลดอัตราหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 2 เท่า 

รวมถึงใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใน 3-5 ปีข้างหน้า และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบริษัท ซึ่งแผนในระยะยาว บริษัทตั้งเป้าหมายจะลดอัตราหนี้สินต่อทุนภายใน 2-3 ปีข้างหน้าให้เหลือ 1.6 เท่าจากการเข้ามาของกระแสเงินสดในอนาคต 

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า การจัดสรรหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบัน โดยมีการจองซื้อสูงถึง 77 %ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด แบ่งเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศ 55% และนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่ 45% โดยสัดส่วนนักลงทุนสถาบันจองซื้อในระดับที่สูง 

ส่วนหนึ่งเกิดจากความมั่นใจของธุรกิจที่จัดอยู่ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า มีการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นกับหุ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตามแม้บริษัทจะเป็นรายแรกของบริษัทที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในครึ่งปีหลัง แต่มองว่าน่าจะได้รับผลการตอบรับที่ดี เพราะยังไม่พบปัจจัยเสี่ยงของภาวะตลาดที่จะเข้ามากระทบกับหุ้น โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีก 3 บริษัท 

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทกำหนดราคาไอพีโอในระดับต่ำกว่าราคาที่บุ๊คบิวสูงสุดน่าจะเพราะยอมให้ส่วนต่างกับรายย่อย รวมทั้งจะทำให้สามารถประคองราคาเข้าเทรดได้เพราะมีความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบันด้วย อย่างไรก็ตาม การกำหนดราคาหุ้นก็ต้องคำนึงถึงภาพรวมของภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ซึ่งจะเห็นว่าช่วงนี้บรรยากาศการลงทุนเริ่มทรงตัว ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ หุ้นโรงไฟฟ้าที่เข้าซื้อขายครึ่งแรกปีนี้คือ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) TPIPP เข้าเทรดตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.2560 ราคาไอพีโอหุ้นละ 7 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลดลง และล่าสุดเริ่มปรับตัวขึ้นยืนเหนือราคาจองซื้อ ขณะที่บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) WHAUP เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาไอพีโอ 26.25 บาท ในช่วงแรกที่ราคาหุ้นปรับลดลงต่ำกว่าราคาจองแต่ปัจจุบันปรับตัวขึ้นเหนือราคาจองซื้อแล้วเช่นกัน