รวบผัวเมียตุ๋นเหยื่อคนเหนือ-อีสานลงทุนหุ้นน้ำมัน อ้างผลตอบแทนสูง 280 เท่า สูญ 10 ล้านบาท
เมื่อเวลา10.20น. วันที่29มิ.ย. 60 ที่ศูนย์ปฏิบัติการชั่วคราว กก.สส.1บก.สส.ภ.4เขตเทศบาลนครอุดรธานี พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม ผกก.สส.1บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผกก. พร้อมด้วยตำรวจสืบสวนภูธรภาค4แถลงการจับกุม นางสาวนิด ทองแก้มแก้ว อายุ39ปี อยู่บ้านเลขที่16ม.5ต.ดงเสือเหลือง อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร และ นายชลมาตร แสงพล อายุ34ปี อยู่บ้านเลขที่142ม.3ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี 2 สามีภรรยา ตามหมายจับศาล จ.หนองบัวลำภู ที่ จ.70/2560ลงวันที่21มิถุนายน2560ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” พร้อมของกลางจำนวนมาก ทั้ง สมุดบัญชีเงินฝาก ทองรูปพรรณ บิ๊กไบค์และอื่นๆรวมมูลค่ากว่า 1,463,000บาท
โดยของกลางทั้งหมดเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการฉ้อโกงประชาชน โดยตำรวจจับกุมตัวได้พร้อมของกลางที่ห้องพัก ที่บ้านคุณตารีสอร์ท ต.บ้านคง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ขณะหลบหนีหมายจับของศาล ระหว่างแถลงข่าว มีผู้เสียหายหลายราย ทยอยเดินทางมาจากจังหวัดในภาคเหนือ และภาคอีสาน เพื่อมาดูตัวผู้ต้องหา ซึ่งผู้เสียหายแต่ละรายถูกหลอกสูญเงินรายละ100,000-500,000บาท ทั้งนี้ของกลางทั้งหมด เป็นทรัพย์สินที่ได้เงินจากการหลอกลวง นำไปแปลงเป็นทรัพย์สินของกลาง
นายปณพงษ์ วรรณเลิศ อายุ46ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ชาว จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุหลอกลวง เริ่มจากมีคนรู้จักที่สนิทกันชักชวนให้ลงทุนซื้อเทรดหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์น้ำมันต่างประเทศ บอกว่าจะได้รับเงินตอบแทนสูงถึง 280 เท่าของเงินลงทุน ทำให้หลงเชื่อร่วมลงทุนไป1แสนบาท หวังได้ค่าตอบแทน28ล้านบาท ที่แรกคิดว่าจริงหรือไม่ แต่หลังจากโอนเงินให้คนร้าย และคุยกันทางเฟสบุ๊คและไลน์โดยตรง คนร้ายบอกว่าพวกเขาเคยทำงานธนาคาร รู้เรื่องหุ้นเป็นอย่างดี จนลาออกมาทำธุรกิจเทรดหุ้น เพราะเห็นว่ารายได้ดีหากรู้จริง ทำให้หลงเชื่อ แล้วโอนเงินให้กับคนร้ายโดยตรงอีกครั้ง เมื่อวันที่13มิถุนายน ที่ผ่านมา
“เมื่อโอนเงินให้ไปได้3วัน คนร้ายได้โทรศัพท์มาบอกว่า ประมาณวันที่20เงินผลตอบแทนจะโอนเข้าบัญชีให้ แต่คนร้ายบอกว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก1ล้านบาท คิดว่าจะได้เงินเพิ่มอีกถึง280เท่า ภายใน1เดือน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปให้คนร้ายอีก3แสนบาท รวมของเก่าเป็นเงิน4แสนบาท กระทั่งวันที่20มิถุนายน โทรไปสอบถามคนร้ายเรื่องเงินตอบแทนที่ยังไม่มีเข้าบัญชี แต่ว่าไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้รู้ว่าโดนหลอก จึงแจ้งความที่ จ.เชียงใหม่”นายปณพงษ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ กล่าวว่า มีผู้เสียหายอีกจำนวนมากในส่วนของตำรวจ ภาค 4 ที่แจ้งความถูกคนร้ายทั้ง 2 คนหลอก ทางตำรวจจึงได้ออกสืบสวนจับกุม ซึ่งคนร้ายหลอกเอาเงินโดยอ้างผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงเกินจริง แต่มีผู้ที่หลงเชื่อ โดยคนร้ายเปิดเฟสบุ๊ค ชักชวนคนที่หลงเชื่อมาร่วมลงทุน อ้างว่าซื้อเทรดหุ้น และให้ร่วมลงทุนกับหุ้นเครื่องดื่มชื่อดัง ไปจนถึงเทรดหุ้นตลาดน้ำมันต่างประเทศ บอกจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินทุนหลายเท่าตัว ในระยะเวลาไม่นาน จนเมื่อรู้ว่าถูกหลอก เพราะไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่างจังหวัดต่าง ๆ ทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน
“คนร้ายตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และพิจิตร จนล่าสุดได้มาก่อเหตุในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นากลาง ต่อมาศาล จ.หนองบัวลำภู อนุมัติหมายจับ โดยทางตำรวจสืบสวนภาค 4 ได้ติดตามจนสืบทราบว่า ผู้ต้องหาหนีมากบดานอยู่ในจ.ขอนแก่น จนสามารถจับกุมตัวได้ ซึ่งขณะที่ควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล ยังมีเหยื่อที่หลงเชื่อ ที่ได้โอนเงินเข้าบัญชีของคนร้ายอีกหลายราย รายละไม่ต่ำกว่า100,000บาท คนร้ายสารภาพว่า ได้ก่อเหตุมาแล้ว 2 ปี 8ที่ทำเพราะว่าเคยถูกหลอกสูญเงินแสนในลักษณะนี้มาก่อน จึงวางแผนหาทางหลอกคนอื่นบ้าง” พ.ต.อ.กิตติพงษ์ กล่าว
พ.ต.อ.กิตติพงษ์ฯ กล่าวอีกว่า คาดว่ามีเหยื่อที่ถูกหลอกโอนเงินให้คนร้ายอีกจำนวนมาก เชื่อฉ้อโกงไปแล้วไม่ต่ำกว่า10ล้านบาท ซึ่งการก่อเหตุน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการอีก เนื่องจากทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ ผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นเงินที่ฉ้อโกงมาทั้งสิ้น แต่เงินสดที่ตรวจพบในบัญชีมีไม่มาก เชื่อว่าต้องมีผู้ที่อยู่ร่วมในขบวนการนี้อีก โดยตำรวจจะสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป หากมีผู้ที่เคยถูกคนร้ายรายนี้หลอกลวงได้รับความเสียหาย ให้ประสานข้อมูลมาได้ที่ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตรคาม เบอร์โทร080-74444646หรือ ร.ต.ท.หญิง ทัศธนาวดี หิมพรหม เบอร์โทร081-8724834ตลอด24ชั่วโมง