ยันหอชมเมืองกรุงเทพฯไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐ

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ในโครงการบ้านเพื่อประชาชนนั้น คงไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากบ้านประชารัฐ เพราะกรมฯเห็นว่า PPP Fast Track ถือเป็นเครื่องมือในการดำเนินโครงการให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในกลุ่มบ้านต่างจังหวัด หากโครงการเข้าข่ายในรูปแบบการร่วมทุน สามารถเข้าโครงการ PPP Fast Track ได้ โดยต้นแบบจะทำในกรุงเทพฯ ก่อน ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายนนี้ จะมีการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางกรอบแนวทางเรื่องการดำเนินการบ้านมั่นคง ที่ให้เอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนจากเดิมที่ให้เจ้าของบ้านดำเนินการเอง

ส่วนกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับโครงการหอชมเมืองนั้น ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีมูลค่าเพียง 4,620 ล้านบาท ไม่ใช่กว่า 7 พันล้านบาทตามข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ และโครงการดังกล่าวไม่ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเอกชนลงทุนเองทั้งหมด แต่ในส่วนของธนารักษ์นั้น ได้ให้ดำเนินการในที่ราชพัสดุ ดังนั้นโครงการจึงเข้าข่ายตามกระบวนการ PPP โดยจากการประเมินโครงการแล้ว มูลค่าที่ดินของธนารักษ์อยู่ที่ 198 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการ PPP ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการรับฟังความคิดเห็นในการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2558 – 2562 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยได้เพิ่มกิจการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ฯ จำนวน 3 กิจการ ได้แก่ กิจการพัฒนารถไฟฟ้าขนส่งสินค้าทางราง กิจการพัฒนาท่าอากาศยาน และกิจการพัฒนาท่าเรือขนส่งผู้โดยสาร

รวมถึงได้เห็นชอบให้โครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารศูนย์ประชุมและโรงแรม ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ที่บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เสนอ มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ถือเป็นโครงการขนาดกลาง โดยให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการของประกาศคณะกรรมการ PPP เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการที่มีวงเงินมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนดในมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 พ.ศ. 2559 ตามที่อนุกรรมการกลั่นกรองโครงการเสนอ