แนะรัฐจริงจังหนุนใช้ 'บล็อกเชน'

แนะรัฐจริงจังหนุนใช้ 'บล็อกเชน'

นักวิชาการมองได้ประโยชน์ ต่อยอดซิเคียวริตี้ 'รัฐ-เอกชน' ต้องร่วมดัน

นักวิชาการประเมินประเทศไทยสุดตื่นตัวใช้เทคโนโลยี “บล็อกเชน” แนะเริ่มต้นเป้าหมายต้องชัด สำเร็จได้รัฐต้องร่วมหนุน-ภาคเอกชนให้ความร่วมมือ

นายเอ็ดมอนด์ เจ โลเวลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนจากสหรัฐ กล่าว หากได้รับการสนับสนุนโดยภาครัฐการผลักดันบล็อกเชนในประเทศไทยจะยิ่งทำได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้ายที่สุดจะสร้างประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการยืนยันเอกลักษณ์บนดิจิทัล

เขากล่าวว่า การนำไปใช้งานเป็นไปได้หลากหลาย นอกจากที่ชัดเจนเช่นการเงิน สามารถใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร เช่นการระบุตัวตนการเข้าถึงบัญชีธนาคาร การลงทะเบียนต่างๆ เท่าที่ทราบเทียบกับสัดส่วนประชากรไทยยังนับว่ามีบัญชีธนาคารจำนวนน้อยอยู่

“บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่เปิดทางให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ราคาจับต้องได้ ที่น่าตื่นเต้นสามารถใช้งานได้แม้กับไอทีอินฟราสตรักเจอร์แบบเดิมๆ”

นายภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความปลอดภัยและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประเทศไทยตื่นตัวอย่างมากต่อการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการเงินการธนาคารและการแพทย์ ปัจจุบันเริ่มมีการจัดทำโครงการต้นแบบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำไปใช้งานได้จริงได้ภายในปี 2561

เขากล่าวว่า ประโยชน์ที่จะได้รับและความเป็นไปได้นั้นมีอยู่หลากหลาย ทั้งงานด้านการระบุตัวตน การันตีความน่าเชื่อถือ แวดวงเฮลธ์แคร์ การเงินการลงทุน รวมถึงประกันภัย นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ป้องกันความปลอดภัยทรัพย์สิน ติดตามวัตถุล้ำค่า อย่าง เพชร ภาพวาด สินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ผลิตมาจำนวนจำกัด

สำหรับการเริ่มต้นควรมองจากการใช้งานจริง หรือการแก้ปัญหาทางธุรกิจเพื่อหาโจทย์ที่ชัดเจน ไม่ใช่การลงทุนด้านเทคโนโลยี ด้านปัญหาและอุปสรรค หลักๆ คือ การประสานงานร่วมมือกันทำงานจากหลายภาคส่วน

ส่วนทางกฎหมายไม่ต้องกังวลมากนัก หากเกิดปัญหามีพ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์รองรับไว้อยู่แล้ว เชื่อว่าศาลต้องรับ แต่ทั้งนี้ยังเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มากและไม่เคยเกิดกรณีมาก่อน

พร้อมระบุว่า บล็อกเชนนับเป็นเทคโนโลที่มีความปลอดภัยซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีอื่นที่น่าเชื่อถือได้มากเท่านี้ ที่น่าสนใจสามารถติกตามความผิดปกติได้จากทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยสืบเสาะตามแก้ไข เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหากการฉ้อโกงต่างๆ ได้ เมื่อมีการพัฒนาและนำมาใช้ได้อย่างถูกวิธีจะช่วยลดความยุ่งยากและงบประมาณการลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ

ก่อนหน้านี้ นายภูมิประเมินไว้ว่า ภายใน 3 ปีจากนี้มีความเป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีบล็อคเชนจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย หรือกลายเป็นเมนสตรีมในประเทศไทย

“บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ทำความเข้าใจยาก ทว่าการเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ไม่ยาก เป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นต้องทำความเข้าใจให้ดีเป็นอันดับแรก แต่ทั้งนี้มุมของผู้ใช้งานไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องของการพัฒนาระบบมากกว่า”

ส่วนปัจจัยผลักดันให้เกิดการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรม สำคัญที่สุดคือ กฎหมายต้องรองรับ ขณะที่ส่วนประกอบอื่นๆ ต้องสร้างคนที่เป็นโปรแกรมเมอร์เฉพาะทางสำหรับการพัฒนา ความเข้าใจของสังคม ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สนใจ เชื่อถือ และตัดสินใจใช้งาน

เทคฯ ที่เกี่ยวข้องบล็อกเชนทะยาน 2.3 พันล.ดอลล์
ก่อนหน้านี้ การสำรวจเมื่อปี 2559 ของไอบีเอ็ม พบว่า 15% ของธนาคารใหญ่ระดับโลก กำลังมีแผนประยุกต์บล็อกเชน เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบในปี 2560 นี้ ก่อนที่ตัวเลขนี้จะขยับเพิ่มเป็น 65% ในอีก 3 ปีหรือปี 2562

ขณะที่ มีข้อมูล ระบุว่า ภาพรวม มูลค่าตลาดบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี บล็อกเชน ทั่วโลก จะขยายตัวจาก 210 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 มาเป็น 2.3 พันล้านดอลลาร์ ปี 2564 โดยเม็ดเงินบางส่วนจะหมุนวนในกลุ่มผู้ให้บริการโซลูชั่นและโครงข่ายเป็นหลัก