Daily Market Outlook (28 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (28 มิ.ย.60)

เลื่อนลงมติกฎหมายสาธารณสุขสหรัฐกดดัน

คาดหุ้นไทยปรับตัวลง จากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั่วโลกหลังผู้นำวุฒิสมาชิกริพลับรีกัน เลื่อนการลงมติร่างพรบ.สาธารณสุขที่จะมาแทน Obamacareทำให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ Trump ต้องเลื่อนออกไปอีก กระทบกระเทือนสถานะประธานาธิบดีของ Trump ราคาน้ำมันร่วงเช้านี้หลังพุ่งแรงเมื่อคืน ก็ไม่ค่อยดีนักต่อหุ้นพลังงาน ภายในประเทศรัฐบาลดำเนินความพยายามให้เศรษฐกิจไม่สูญเสียแรงขับเคลื่อนล่าสุด จัดสรรงบรายจ่ายกลางปีเพิ่มอีก 3.83 พันล้านบาท สำหรับ 28 โครงการ แผน EEC ด้านการขนส่ง และพัฒนารวมจะเข้ารับการพิจารณาในวันที่ 19 ก.ค.

หุ้นเด่นวันนี้: IRPC (ราคาปิด 5.25 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.00 บาท)

เราคาดหวังว่า IRPC จะรอได้รับประโยชน์จากการแบ่งโซนเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC โดย IRPC มีทำเลที่ตั้งของโรงงาน รวมถึงที่ดินรอขาย ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองและอำเภอบ้านค่าย จังหวังระยอง ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ซึ่งมีแนวนโยบายเบื้องต้นจากรัฐบาลออกมาแล้วว่าการขยายกิจการในขอบเขตที่เกี่ยวกับ 10 อุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปิโตรเคมี จะสามารถขอรับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับโครงการที่สนับสนุนยาวนานถึง 10 ปี และลดหย่อนภาษีเหลือกึ่งหนึ่งในเวลาอีก 5 ปี ทั้งนี้นโยบายภาครัฐบาลสอดคล้องกับแผนการขยายงานของ IRPC ที่จะขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำการต่อยอดสินค้าที่มี Value Added ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เราจึงมอง IRPC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มปิโตรเคมีที่มี Valuation น่าสนใจ โดยเราคาดว่าราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำ ช่วยหนุนค่าการกลั่น และสเปรดปิโตรเคมีให้แข็งแกร่ง นอกจากนี้ โครงการ UHV (Upstream Project for Hygiene & Value Added Products) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนผลการดำเนินงานของ IRPC เราคาดว่าปีนี้เป็นปีทองของธุรกิจปิโตรเคมี IAA consensus คาดการณ์ว่าปี 2560 นี้ EPS จะเท่ากับ เป็น 0.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 4%YoY และเติบโตต่อเนื่องอีกราว 8% เป็น 0.54 บาทต่อหุ้น ในปี 2561 ค่า PER ปี 2560 ของ IRPC ยังต่ำเพียง 10.5 เท่า IAA consensus ให้ราคาเหมาะสมของ IRPC ที่ 6.00 บาท ยังเหลือ Upside อีกราว 14% Price Pattern ของ IRPC มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ IRPC ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายแรกที่ 4.46 บาทไปได้แล้ว จึงมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 6.70 บาท ทั้งนี้ IRPC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5 บาท (Resistance: 5.30, 5.35, 5.40; Support: 5.20, 5.15, 5.10)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนา สำหรับฤดูเก็บเกี่ยวปี 60 จำนวน 2 พันล้านบาท โครงการดังกล่าวคาดว่าจะครอบคลุมพื้นที่ไร่นากว่า 25-30 ล้านไร่ (Bangkok Post)

• แผนระบบขนส่ง EEC คาดเข้าที่ประชุมเดือนหน้า แผนระบบขนส่งสำหรับเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และแผนพัฒนาพัทยาและระยองจะถูกเสนอเข้าที่ประชุมกรรมการนโยบายในวันที่ 19 ก.ค. นอกจากนี้ ความคืบหน้าโครงการใหญ่อื่นๆ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา จะมีการติดตามผลในระหว่างที่ประชุมเช่นกัน (The Nation)

• อนุมัติงบกลางปี3.8พันล้าน สารพัดโครงการกระตุ้นศก. ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้จัดสรรเงินงบประมาณ จำนวน 3,828 ล้านบาท จากงบกลางประจำปีปีงบประมาณ 60 ในรายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความ เข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อดำเนินโครงการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวม 28 โครงการ (เดลินิวส์)

• ธกส.ปรับแผน ให้กู้เอสเอ็มอี ปีนี้อาจแตะแสนล. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการปล่อยสินเชื่อโครงการ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี วงเงิน 7.2 หมื่นล้านบาท ใน 7,200 ตำบล มีความคืบหน้า สามารถปล่อยกู้ได้แล้วกว่า 4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7.2 หมื่นล้านบาท หรืออาจจะปล่อยกู้ได้มากถึง 1 แสนล้านบาท เพราะมีการขับเคลื่อนสินเชื่อเอสเอ็มอีผ่าน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสหกรณ์ นิติบุคคล วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ (โพสต์ทูเดย์)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร สอดคล้องกับพันธบัตรยุโรป หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ECB ใกล้จะประกาศลดการกระตุ้นทางการเงิน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.20% จากที่ระดับ 2.14% เมื่อวันจันทร์ ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี กับ 30 ปีชันขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ปรับตัวลงสู่ระดับ 92.70 bps เป็นระดับที่แบนราบที่สุดนับแต่ปลายปีค.ศ. 2007 (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเทียบกับเงินยูโรเมื่อวันอังคาร หลังประธาน ECB ออกมาให้ความเห็นหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของสหรัฐ เงินยูโรแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับ 1.1349 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. 59 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.3% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 112.12 เยน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 วันที่ 96.344 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีแนสแดคปรับตัวลงหลังผู้นำรีพีบลิกันในวุฒิสภาตัดสินเลื่อนแผนลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ออกไปจนกว่าวุฒิสภาจะกลับเข้าสู่การประชุมอีกครั้งหลังวันที่ 4 ก.ค. ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับวาระนโยบายของทรัมป์และทำให้ทรัมป์ประสบปัญหาในการผลักดันแผนอื่น ๆ ของเขาซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษี การใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานและการผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งนักลงทุนปรารถนาให้รีบดำเนินการ (Reuters)

• ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภาตัดสินเลื่อนแผนลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพเมื่อวันอังคาร หลังจากเผชิญแรงต่อต้านภายในพรรค และประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกประชุมส.ว. ที่ทำเนียบขาวเพื่อกระตุ้นให้โหวตรับร่างกฎหมายดังกล่าว หากส.ว.พรรคเดโมแครตรวมตัวกันคัดค้าน พรรครีพับลิกันจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากส.ว.ของพรรคทุกคนเพื่อที่จะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยผู้นำของพรรคผลักดันให้มีการโหวตก่อนวันที่ 4 ก.ค. ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกจะกลับเข้าทำงานในวันที่ 10 ก.ค. ส่วนส.ส. จะกลับเข้าทำงานในวันที่ 11 ก.ค. (Reuters)

• Janet Yellenกล่าวในช่วงระหว่างตอบคำถามในลอนดอนว่าเธอไม่เชื่อว่าจะมีวิกฤตการเงินอีกครั้งถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ หนุนโดยการปฏิรูประบบธนาคารในช่วงระหว่างปี 50-52 นอกจากนี้ Yellenยังยืนยันว่าเฟดจะคงแผนการค่อยๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ย และจำนวนพันธบัตรที่เฟดสะสมจะค่อยๆ ลดลงแบบสามารถคาดการณ์ได้(Reuters)

• ประธานเฟดสาขา Philadelphia นาย Patrick Harkerกล่าวว่าเฟดวางแผนที่จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปีนี้ และมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมาเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น (Reuters)

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ปรับขึ้นมากกว่าคาด หนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ โดย Conference Board รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 118.9 จุด ดีกว่าคาดการณ์ที่ 116.0 และตัวเลขปรับปรุงใหม่เดือน พ.ค.อยู่ที่ 117.6 จุด (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปร่วงวานนี้ เนื่องจากความเห็นหนุนการขึ้นดอกเบี้ยของประธาน ECB นาย Mario Draghiกระทบกับหุ้นที่อ่อนไหวตามดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดยุโรปปรับตัวลง นอกจากนี้ คำเตือนจากผู้จำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ Schaefflerกระทบกับกลุ่มยานยนต์เช่นกัน (Reuters)

• ความเห็นหนุนการขึ้นดอกเบี้ยของ Draghiประธาน ECB นาย Mario Draghi กล่าวระหว่างงานประชุมที่โปรตุเกสว่า ECB อาจมีการปรับเครื่องมือทางการเงิน เช่น นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและการเข้าซื้อพันธบัตร เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในยุโรป อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเขาเชื่อว่านโยบายทางการเงินบางอย่างยังจำเป็นอยู่ (Reuters)

เอเชีย:

• นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe สัญญาอย่างเงียบ ๆ เพื่อให้สมดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2563โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP และต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าเดินขึ้นภาษีกลางปี 2561 หรือประมาณช่วงเวลาที่เขาสามารถเรียกการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจะต้องมีขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2561(Reuters)

• ทางผู้ควบคุมหลักทรัพย์ของจีนจะพยายามลดความไม่แน่นอนของนโยบายและจะปรับกลไกในการควบคุมตลาดทุนหากจำเป็นเพื่อเร่งการลงทุนใน A-Shares หลังจากที่ได้ถูกรวมเอาดัชนี MSCI ไว้แล้ว(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันบวกเกือบ 2% และแตะจุดสูงสุดรอบสัปดาห์วันอังคาร หนุนโดยดอลลาร์ที่อ่อนค่า การปิดสถานะชอร์ตและคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันสหรัฐจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน น้ำมันดิบเบรนท์บวก 82 เซนต์ (1.79%) ปิดที่ 46.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 86 เซนต์ (1.98%) ปิดที่ 44.24 ดอลลาร์สหรัฐบาร์เรล อย่างไรก็ดีหลังปิดตลาดหลัก สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ชี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบกลับเพิ่มขึ้น 851,000 บาร์เรลสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด 23 มิ.ย. สู่ 509.5 ล้าน เทียบกับคาดการณ์ว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำบวกวันอังคาร หลังแตะจุดต่ำสุดหกสัปดาห์ในวันก่อนเพราะมีคนเริ่มช้อนซื้อที่ราคาต่ำและดอลลาร์ร่วงแรงหลังวุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายสุขภาพ ทองคำตลาดจรบวก 0.5% ปิด 1,249.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ส.ค. บวก 0.04% ปิดที่ 1,246.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)

• สเปรดระหว่างราคายางมะตอยกับน้ำมันดิบกว้างขึ้นในเดือน มิ.ย.: ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 16% QTD จาก 51-53 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ในช่วงต้นไตรมาสมาอยู่ที่43-44 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ในปัจจุบัน ขณะที่ราคายางมะตอยลดลง 10% จาก 2,860 หยวนต่อตันช่วงต้นไตรมาส เป็น 2,580 หยวนต่อตัน ณ ปัจจุบัน ส่งผลให้ spread ระหว่างยางมะตอยและน้ำมันดิบอยู่ที่ 35% QTD ฟื้นตัวดีขึ้นจากก่อนหน้านี้ spread margin ในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค.ตกต่ำมาก (China Asphalt Price)   ความเห็น: เรายังคงเชื่อว่า TASCO จะได้รับประโยชน์จากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันและการบูมของการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในประเทศแถบอาเซียน อย่างไรก็ตามในระยะสั้นตลาดคาดในแง่ลบเกี่ยวกับStock Loss ของ TASCO ในช่วงเดือน พ.ค. กำไรในไตรมาส 2/60 ของ TASCO อาจต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 900 ล้านบาท แต่เราก็มีความหวังว่ากำไรในไตรมาส 3/60 จะดีขึ้น โดยเรายังมอง TASCO ได้รับประโยชน์ในท้ายที่สุดจากเทรนด์ของราคาน้ำมันที่พลิกเป็นขาลง TASCO (ราคาปิด 23.40 บาท, ซื้อ, เป้าหมาย AWS 33.00 บาท) อนึ่ง AWS ปรับเปลี่ยนกรอบคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จากเดิม 45-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 42-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับช่วงครึ่งหลังปี 2560