'2แบงก์ใหญ่' ยืนสินเชื่อปีนี้

'2แบงก์ใหญ่' ยืนสินเชื่อปีนี้

"2แบงก์ใหญ่" ยืนสินเชื่อปีนี้ มั่นใจโครงการรัฐหนุนเศรษฐกิจโต "บัณฑูร" รับแนวโน้มเอ็นพีแอลยังขยับขึ้น ตั้งเป้าคุมไว้ที่ 3.3-3.4% ส่วนปีหน้าคาดสินเชื่อโต 6-7%

“กสิกรไทย-กรุงเทพ” มั่นใจสินเชื่อโตตามเป้า อานิสงส์โครงการลงทุนรัฐกระตุ้น “บัณฑูร”คาดปีนี้สินเชื่อโตได้ 6-7% ชี้แนวโน้มเอ็นพีแอลยังขยับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นช้าแต่มั่นใจคุมเอ็นพีแอลให้อยู่ 3.3-3.4% ได้

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าสินเชื่อของธนาคารในปีนี้เติบโตได้ตามภาวะเศรษฐกิจ หรือเติบโต 4-6% ส่วนปีหน้าคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตได้ระดับ 6-7% ผลจากการลงทุนของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งจะมีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีการเติบโต และทำให้สินเชื่อทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมาย

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้จะควบคุมให้อยู่ในระดับ 3.3-3.4% จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.3% โดยประเมินว่าเอ็นพีแอลทั้งระบบจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบกับตัวธุรกิจ เพราะสถาบันการเงินแต่ละแห่งในปัจจุบันมีความแข็งแกร่ง และสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งในส่วนของกสิกรไทย ก็มีแนวโน้มเดียวกับระบบ แต่ธนาคารได้บริหารจัดการอย่างใกล้ชิด แม้ว่าลูกค้ารายใหญ่บางรายจะมีปัญหา ่ก็ไม่กระทบเป้าหมายเอ็นพีแอลทั้งปีที่ตั้งไว้ และไม่กระทบต่อต้นทุนการเงิน หรือcredit cost ของธนาคาร โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สินเชื่อมีการเติบโตแล้วประมาณ 2.3%ส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ 3.3%

“เรามีการบริหารจัดการเอ็นพีแอลที่ดี มีเครื่องมือที่รองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าเศรษฐกิจโลก หรือไทย จะผันผวนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม”

นายบัณฑูร กล่าวว่าปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.3-3.4% และ ปีหน้าจะขยายตัวดีกว่าปีนี้กว่าปีนี้ โดยเศรษฐกิจไทยในภาวะปัจจุบัน เชื่อว่าคงไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเช่นเดียวกับปี 2540 แต่มีความท้ายทายที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกโตช้า ภาระหนี้สินที่สูง และ การลงทุนที่มากเกินไป ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสมัยใหม่ที่แตกต่างจากอดีต

ความเสี่ยงในยุคปัจจุบัน คือ ความเสี่ยงจากความรู้ไม่ทันโลก ไม่ทันต่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ภาคธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันอาจต้องสะดุดและล้มหายตายจากไป โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อย ซึ่งยังประเมินไม่ได้ว่าใครจะอยู่รอด เพราะเอกชนทุกรายต่างพยายามปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่แล้วเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้ในยุคของการเปลี่ยนแปลง

"โลกในยุคปัจจุบันเป็นยุคสีเทา ซึ่งมีโอกาสที่ภาคธุรกิจจะได้ทั้งผลบวกและลบ รายใดปรับตัวได้มีความคิดต่างก็อยู่รอด แต่ถ้าใครรู้ไม่ทันโลก มีความรู้น้อย สู้ไม่ได้ก็ต้องล้มไป ส่วนภาพรวมการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นอัตราที่เหมาะสม เพราะถ้าหากสินเชื่อโตน้อยเกินไปก็จะไม่ช่วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันหากสินเชื่อขยายตัวเร็วเกินไปภาวะเศรษฐกิจก็อาจรองรับไม่ทัน หรือ ตกขอบได้ ดังนั้นจึงต้องมีความสมดุลทั้ง 2 ด้าน”

ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ยังคงเป็นไปตามแผนเดิมที่ 3-5% โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และ ส่วนเอ็นพีแอลอาจมีการขยับตัวขึ้นบ้าง และต้องเข้าไปดูแล แต่ไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากธนาคารสามารถจัดการกับหนี้เสียที่มีอยู่ได้

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพได้ร่วมกับ  บริษัท เนสท์ เปิดตัวโครงการ Bangkok Bank InnoHub อย่างเป็นทางการ ภายหลังประสบผลสำเร็จในการสรรหา 8 บริษัท สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับเวิลด์คลาส หรือบลูฟิน จากที่ส่งเข้าแข่งขันจำนวน 119 บริษัท จาก 32 ประเทศทั่วโลก ภายใต้แนวคิดหลัก Inspiring Change เพื่อเข้าอบรมหลักสูตรเข้มข้นที่ได้รับการออกแบบให้มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยมีผู้บริหารจากธนาคารกรุงเทพ และผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมการลงทุนชั้นนำระดับโลกจากเนสท์ มาร่วมกันบ่มเพาะศักยภาพของสตาร์ทอัพ Bluefin ทั้ง 8 ทีม รวม 12 สัปดาห์ ก่อนขึ้นเวที Demo day ในเดือนก.ย. 2560