ลุ้น 'ICAO' ปลดล็อกสิ้นมิ.ย.

ลุ้น 'ICAO' ปลดล็อกสิ้นมิ.ย.

เกาะติด "หุ้นสายการบิน" ลุ้นICAOปลดล็อกสิ้นมิ.ย.

ช่วงนี้จะเห็นว่าเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากมีประเด็นที่ต้องติดตามคือการดำเนินการแก้ไขด้านความปลอดภัยจะรายงานICAOในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ หากปลดธงแดงน่าจะมีผลต่อหุ้นกลุ่มนี้ทันที ขณะเดียวกันทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ก็น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนอีกครั้ง ดังนั้น ทำให้นักลงทุนเริ่มทยอยเข้ามาดักซื้อกันบ้างแล้ว

กรุงเทพธุรกิจได้สำรวจราคาหุ้นกลุ่มสายการบินในเดือนมิ.ย.ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นการบินไทย(THAI) เพิ่มขึ้น 7.53%จากราคา 15.60 บาทขึ้นมาอยู่ที่ 20 บาท หุ้นเอเอวี(AAV) ปรับขึ้น 2.42%จากราคา 6.20 บาท มาอยู่ที่ 6.35 บาท หุ้นบีเอ(BA) เพิ่มขึ้น 1.08% จากราคา 18.50บาท ขึ้นมาอยู่ที่ 18.70 บาทแต่หุ้นนกแอร์(NOK)ปรับตัวลง 1.30%

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ประเมินว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามของหุ้นกลุ่มสายการบินตอนนี้คือ ประเด็น การดำเนินการแก้ไขด้านความปลอดภัยแล้วจะรายงาน ICAO ทราบวันที่ 30 มิ..นี้ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้มอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศฉบับใหม่ หรือ Re-AOC ให้กับสายการบินนกแอร์ ซึ่งนับเป็นรายที่ 6 และในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ทางกพท.จะรายงานความคืบหน้าให้ ICAO รับทราบว่าได้ดำเนินทำ Re-AOC ของ 6 สายการบินและแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) 33 ข้อ เพื่อปลดธงแดง

อย่างไรก็ดี เดือนก.ย.นี้ จะมีสายการบินราว 10 สายต้องหยุดบริการเส้นต่างประเทศเพราะไม่ผ่านการตรวจขั้นตอนสุดท้าย แต่เป็นสายการบินขนาดเล็กที่มีเครื่อง 1-2 ลำเท่านั้น สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เป็น AAV ซึ่งธุรกิจไปได้ดี และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ต่ำด้วย

สอดคล้องกับการรายงานการได้มา หุ้นAAV เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2560 โดยพบว่าบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด ได้เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 0.26% ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10.17%

บล.ฟิลลิป ประเมินว่าหุ้นAAVในไตรมาส 2 ปีนี้มีแนวโน้มรายได้เฉลี่ยต่อตั๋วจะชะลอการลดลง แต่แรงกดดันจากราคาน้ำมันจะผ่อนคลาย ทั้งนี้จากการที่บริษัทปรับกลยุทธ์มาโฟกัสตลาดภายในประเทศ และCLMV ที่บริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่ง ประกอบ ผู้บริหารมีมุมมองต่อการแข่งขันระหว่าง low cost เริ่มเบาลง เห็นได้จากการทำโปรโมชั่นน้อยลง ส่วนแรงกดดันจากราคาน้ำมันจะเบาลงหลัง booking ล่วงหน้าที่ไม่สามารถปรับขึ้น 150 บาทต่อตั๋วทยอยหมดลง จากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตกะทันหัน

ส่วนผู้โดยสารมองยังคงเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อนจากเครื่องบินที่รับปี 2559 ที่ 6 ลำ, ไตรมาส 1 ปีนี้ ที่ 2 ลำ และ มิ.ย. ที่ 1 ลำ ที่นำมาเพิ่มความถี่ในการบิน 6 เส้นทาง และเปิดเส้นทางใหม่ 3 เส้นทาง อู่ตะเภา-อุบลราชธานี อู่ตะเภา-ภูเก็ต และดอนเมือง-ดานัง (เวียดนาม) แม้ผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นแต่แนวโน้มรายได้ต่อตั๋วที่ยังชะลอตัว และต้นทุนน้ำมันเฉลี่ยที่สูงขึ้น ทำให้ยังมองว่าไตรมาส 2ปีนี้กำไรน่าจะชะลอตัวเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ ประเมินว่าครึ่งปีหลังคาดว่าจะฟื้นตัวได้หากเทียบจากปีก่อน โดยเฉพาะในไตรมาส 4ปีนี้จะช่วยภาพรวมทั้งปีไว้ได้ โดยการหันมา Focus ตลาดในประเทศและ CLMV ในเส้นทางที่ได้เปรียบคู่แข่ง ทำให้อาจขยับราคาค่าตั๋วขึ้นได้และรายได้เฉลี่ยต่อตั๋วมีแนวโน้มสูงกว่าครึ่งหลังปี 2559 และในครึ่งปีแรก 2560 ราคาน้ำมันคาดว่าจะไม่ผันผวนมากเหมือนในไตรมาสแรกปีนี้จะช่วยให้การบริหารรายได้ และต้นทุนได้ดีขึ้น แต่ก็มีประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าในปัจจุบันอาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเดินทางอยู่บ้าง ซึ่งคงต้องติดตามประเด็นนี้ต่อไป จากคาดการณ์ผู้โดยสารและรายได้เฉลี่ยต่อตั๋วที่คาดดีขึ้น รวมถึงการบริหารรายได้และต้นทุนน้ำมันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ทางฝ่ายวิจัยมองว่า ภาพรวมในครึ่งปีหลัง 2560 จะดีขึ้น