ไฟเขียวงบโครงการประภันภัยข้าวนาปี 1,841 ลบ.

ไฟเขียวงบโครงการประภันภัยข้าวนาปี 1,841 ลบ.

"ครม." อนุมัติงบประมาณโครงการประภันภัยข้าวนาปี 1,841 ลบ. เป้าหมายขั้นต่ำ 25-30 ล้านไร่ พร้อมเพิ่มวงเงินคุ้มครองเป็น 1,260 บาท/ไร่

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณ 1,841 ล้านบาท สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปีประจำปี 2560 ซึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยปีนี้มีเป้าหมายขั้นต่ำ 25-30 ล้านไร่ ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีพื้นที่เป้าหมาย 30 ล้านไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1,570,000 ราย จำนวน 27.2 ล้านไร่ ปีนี้จึงตั้งใจอยากจะให้ได้จำนวนใกล้เคียงหรือมากกว่าปีที่แล้ว โดยปีนี้จะมีวงเงินคุ้มครองเพิ่มขึ้นเป็น 1,260 บาท/ไร่ จากเดิม 1,111 บาท/ไร่ สำหรับภัยธรรมชาติ 6 ภัย คือ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุใต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ ยกเว้นภัยศัตรูพืช โรคระบาด ที่จะได้รับเงินคุ้มครอง 630 บาท/ไร่ เพิ่มขึ้นจาก 555 บาท/ไร่ในปีที่แล้ว เนื่องจากส่วนใหญ่ความเสียหายจะน้อยกว่า 6 ภัยที่กล่าวมาข้างต้น

สำหรับอัตราเบี้ยประกัน ปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 100 บาท/ไร่ เมื่อรวมกับภาษีต่างๆจะอยู่ที่ 107-108 บาท/ไร่ แต่ปีนี้อัตราเบี้ยประกันจะลดลงมาอยู่ที่ 90 บาท/ไร่ เมื่อรวมภาษีต่างๆจะอยู่ที่ประมาณ 97.37 บาท/ไร่

"ถือว่าดีมาก เพราะปีที่แล้วเราเบี้ยสูงคุ้มครองต่ำ แต่ปีนี้บริษัทประกันยอมที่จะลดค่าเบี้ยประกันลงให้ 10% แต่วงเงินที่ได้รับการดูแลเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เช่นกัน ถือว่าถูกลงเกือบ 20% เมื่อเทียบกับต้นทุนที่จ่ายเบี้ยประกันที่เราทำในขณะนี้"

นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้รัฐบาลและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะให้การอุดหนุนเช่นเคย โดยรัฐบาลจะช่วยจ่ายให้ 61.37 บาท/ไร่ ส่วนที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.นั้น ธ.ก.ส.จะจ่ายให้ 36 บาท/ไร่ ซึ่งจะเป็นการฝึกให้เกษตรกรเห็นว่าสามารถมีประกันภัยการเกษตรได้ และเวลาเกิดภัยพิบัติต่างๆ ธ.ก.ส.จะจ่ายค่าทดแทนต่างๆ กลับคืนมา และเรามั่นใจว่าในปีนี้จะมีอีกวงเงินจำนวน 8 แสนไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่เพิ่มเติมจาก 25 ล้านไร่ โดยถ้าเกิดเกษตรกรต้องการซื้อประกันภัยให้กับที่ดินการเกษตรเพิ่มเติมก็สามารถซื้อได้ทั้งในส่วนที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.แต่ว่าเป็นพื้นที่การเกษตรแต่ไม่ได้อยู่ในวงเงินกู้ธ.ก.ส.ก็สามารถขอซื้อประกันได้ เพียงแต่ลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับเงินชดเชย 61.37 บาท/ไร่ แต่อีก 36 บาท/ไร่ ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องรับภาระเอง

ทั้งนี้ สามารถเริ่มซื้อประกันได้ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลเพราะปลูกจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 60 ส่วนภาคใต้จะเริ่มซื้อประกันได้จนถึง 15 ธันวาคม 60 เนื่องจากฤดูกาลเพาะปลูกช้ากว่าภาคอื่นๆ สำหรับการจ่ายสินไหมจะจ่ายคืนโดยตรงผ่านพร้อมเพย์ และในปีนี้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยจะแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเป็นเขตที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

นายกอบศักดิ์ ระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี แต่อยากให้ดูเรื่องของความยั่งยืน เมื่อทำไป 2 ปีแล้วในปีถัดไปอยากให้เกษตรกรเข้ามารับภาระด้วยการซื้อประกันภัยบางส่วนด้วยตัวเองมากขึ้น ขณะที่รมว.คลังได้แจ้งในที่ประชุมว่า กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรฯกำลังศึกษาเพื่อขยายผลโครงการประกันภัยพืชผลการเกษตรไปสู่พืชอื่นๆ