ลุ้น 'เอสเอ็มอี' ฟื้นครึ่งปีหลัง

ไทยพาณิชย์ ยืนเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้ที่ 4-6% หลังเห็นความต้องการใช้สินเชื่อของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รับเหมารายเล็ก ระบุครึ่งปีแรก สินเชื่อนิ่ง เนื่องจากแบงก์ขอรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจ ขณะที่ลูกค้าเองไม่รีบลงทุน รับเอ็นพีแอลยังสูงปีนี้ 6%

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าเอสเอ็มอีและผู้บริหารสูงสุดลูกค้าธุรกิจขนาดย่อม ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สินเชื่อในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารในครึ่งปีแรกไม่เติบโต เนื่องจากธนาคารต้องการรอดูสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน ประกอบกับลูกค้าเองก็ยังชะลอการลงทุน และขอรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจอีกครั้งในครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ไทยพาณิชย์ มีสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี เป็นอันดับสี่ในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันมีสินเชื่อคงค้างในกลุ่มเอสเอ็มอี 3.6 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคารเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในบางกลุ่มที่เริ่มเข้ามาขอสินเชื่อ อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มรับเหมารายย่อย โดยปัจจัยบวกน่าจะมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ อีกทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้ายนัก ซึ่งธนาคารคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจที่ 3.4% ในปีนี้ และโดยปกติการเติบโตของสินเชื่อจะมากกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเล็กน้อย ทำให้เชื่อว่า สินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่4-6%

“หากทำได้ตามเป้าหมาย สินเชื่อคงค้างของเราสิ้นปีจะอยู่ที่ 3.7 แสนล้านบาท” นางพิกุล กล่าว

อย่างไรก็ดี ในแง่ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ต้องยอมรับว่า เอสเอ็มอีมีความเปราะบาง ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถทำธุรกิจอยู่ได้ ด้วยการเสนอปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงยืดหนี้ ซึ่งที่ผ่านมา มีลูกค้าจำนวนมากติดต่อขอยืดหนี้กับธนาคาร ซึ่งธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนการยืดหนี้ ทำให้ภาพรวมของเอ็นพีแอลปีนี้ของไทยพาณิชย์จะยังคงอยู่ที่ 6% ทั้งนี้ไตรมาสแรกของปีนี้ ไทยพาณิชย์มีเอ็นพีแอลของกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่ 6.5%

“ภาพรวมเอ็นพีแอลของเราดูอาจจะสูง แต่ด้วยฐานสินเชื่อที่เล็ก เมื่อเกิดเอ็นพีแอลมีผลให้เปอร์เซ็นต์ขยับสูง ต่างจากสินเชื่อบ้านที่มีฐานสินเชื่อที่มาก เมื่อมีเอ็นพีแอล เปอร์เซ็นต์กลับไม่ได้ขยับสูง”นางพิกุล กล่าว

นางพิกุล กล่าวว่า เอ็นพีแอลจะลดลงกว่านี้หรือไม่นั้น อยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้ ธนาคารจะหาช่องทางในการสนับสนุนสินค้าของเอส เอ็มอี รวมถึงการจัดงานประจำปี SCB FTI Factory Outlet

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าภาพรวมสินเชื่อเดือนพ.ค.2560 เพิ่มขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 1.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในสินเชื่อขนาดใหญ่ ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีและรายย่อยไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารยังระวังการให้สินเชื่อเอสเอ็มอีและรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน (บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล) จากความเสี่ยงด้านหนี้เสียของเอสเอ็มอีและรายย่อยในกลุ่มดังกล่าวยังสูง

สำหรับแนวโน้มของสินเชื่อในไตรมาส 2/2560 นั้นคาดว่าสินเชื่อสุทธิน่าจะเติบโตใกล้เคียงที่ 2%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยประเมินว่าสินเชื่อสุทธิในเดือนมิ.ย.นี้ อาจปรับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่ก็คงยังต้องฝากความหวังไว้ที่สินเชื่อธุรกิจมากกว่าสินเชื่อรายย่อย