ร้องไห้ระงม! ส่งศพ 'นิสิตจุฬาฯ' กลับเชียงใหม่

ร้องไห้ระงม! ส่งศพ 'นิสิตจุฬาฯ' กลับเชียงใหม่

ญาติ-อาจารย์-เพื่อนร่ำไห้รับศพ “นิสิตฬาฯ” ไปประกอบพิธีศาสนาที่ภูมิลำเนา เหลืออีก1ราย ยังติดต่อญาติไม่ได้ ด้านรมว.แรงงานฯ สั่งสอบข้อเท็จจริงหากพบบริษัทไม่ปฏิบัติตามก.ม.ความปลอดภัย จ่อดำเนินคดีด้วย

ความคืบหน้ากรณีนิสิตสาว ชั้นปีที่ 5 คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกิดพลัดตกบ่อบำบัดน้ำเสียภายในบริษัท ซีพีเอฟ(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ซอยบางนา-ตราด 20 ขาเข้า แขวงและเขตบางนา โดยมีพนักงานของบริษัท 4 คนลงไปช่วยเหลือแต่เสียชีวิตทั้ง 5 ราย ได้แก่ 1.นายพรชัย บุญบาน อายุ 40 ปี พนักงาน 2.นายชาญชัย พันธุนาคิน อายุ 42 ปี พนักงาน 3.นายชาตรี ศรีสันดร อายุ 53 ปี พนักงาน 4.น.ส.ลักษ์ชนก แสนทวีสุข อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมของบริษัท และ 5.น.ส.ปัญธิกา ตาสุวรรณ อายุ 23 ปี นิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โดยสาเหตุขาดอากาศหายใจนั้น

เมื่อวานนี้(24มิ.ย.) ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ มีบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางมาติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลในภูมิลำเนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ สำหรับศพนายพรศักดิ์ จะนำส่งจ.ชัยภูมิ นายชาญชัย นำส่งจ.ตราด นายชาตรี ยังติดต่อญาติไม่ได้ น.ส.ลักษ์ชนก จะนำส่ง จ.อุบลราชธานี และ น.ส.ปัญธิกา นำส่ง จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ผลการชันสูตรของแพทย์หลังทำการผ่าพิสูจน์พบสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการขาดอากาศหายใจ

เวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ครอบครัว อาจารย์ และเพื่อนนิสิตของน.ส.ปัญธิกา ตาสุวรรณ หรือน้องหวาย นิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กว่า 50 คน ได้เดินทางมาร่วมแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของน้องหวายท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจและเสียงร้องไห้ระงมไปทั่วทั้งบริเวณ โดยเพื่อนและครอบครัวระบุลักษณะเดียวกันว่ายังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับ“น้องหวาย”อย่างไรก็ตามทางครอบครัวและเพื่อนๆระบุว่ายังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น โดยไม่พร้อมที่จะพูดอะไร โดยญาติจะตั้งศพที่วัดเมืองกาย ต.วัดเกตุ จ.เชียงใหม่

ด้านนางนงลักษณ์ ปัญญาวงศ์ อายุ 37 ปี พี่สาวของน.ส.ลักษ์ชนก ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวการเสียชีวิตตนเอง พ่อและแม่ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะน้องสาวเป็นคนน่ารักขยันทำงานและเป็นคนดีมีน้ำใจต่อเพื่อนฝูงและมักจะชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เป็นประจำ น้องสาวเป็นลูกคนที่สองจากพี่น้อง 4 คน ซึ่งพ่อแม่ตั้งความหวังไว้กับน้องสาวคนนี้มาก พ่อแม่มีอาชีพทำนาแต่สามารถส่งลูกเรียนจนจบสาขาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หลังเรียนจบก็ได้เข้าทำงานที่ บริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทย มาประมาณ 1 ปี

“มักจะสอบถามถึงความเป็นอยู่ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเป็นประจำน้องสาวก็จะตอบเสมอว่ามีความสุขกับการทำงานมาก และตั้งใจจะทำงานกับบริษัทซีพีไปตลอดชีวิตเพราะทำงานที่นี่แล้วมีความสุข”นางนงลักษณ์ กล่าว และว่าสำหรับการเดินทางมารับศพครั้งนี้ได้รับมอบหมายจากพ่อและแม่ให้พาน้องกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดทรัพย์เกษตร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า เหตุนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และลูกจ้างบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด เสียชีวิตในบ่อบำบัดน้ำเสีย รวม 5 ราย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตนได้สั่งให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.)เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ โดยลงพื้นที่เพื่อสอบข้อเท็จจริงและดูแลสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ที่ลูกจ้างต้องได้รับและประสานความช่วยเหลือในเบื้องต้นแก่ลูกจ้างและนิสิตด้วย

พร้อมทั้งดำเนินการตามกฎหมายหากพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 รวมทั้งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ.2547

รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคม(สปส.) ดูแลเรื่องสิทธิที่ลูกจ้างต้องได้รับความคุ้มครองจากประกันสังคม ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าลูกจ้างทั้ง 4 รายมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทนกรณีเสียชีวิตเนื่องจากการทำงานตามที่กฎหมายกำหนดและได้รับเงินชราภาพจากกองทุนประกันสังคมอีกด้วย ซึ่งจะประสานกับทายาทต่อไป โดยจะเร่งให้ทั้งสองหน่วยงานดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบและช่วยเหลือญาติผู้ประสบเหตุอีกด้วย

มีรายงานจาก กสร.แจ้งว่า ได้เชิญนายจ้างมาพบเพื่อสอบข้อเท็จจริงในกรณีการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานหรือไม่ ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้

ที่ สน.บางนา วานนี้(24มิ.ย.) นางนารี อาชโยธา น้าสาว พร้อมด้วยพ่อและแม่ของนายพรศักดิ์ หัวหน้างานอนามัยของบริษัทที่เสียชีวิตภายในบ่อบำบัด ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำและข้อมูลของผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม รวมถึงรับเอกสารเพื่อไปติดต่อขอรับศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์

นางนารี เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนและติดต่อเรื่องเอกสารเพื่อไปรับศพหลานชายที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ทั้งนี้ครอบครัวไม่ติดใจการเสียชีวิตของหลานชาย เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุและทุกฝ่ายก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่หลังเกิดเหตุทราบว่าทางบริษัทได้ติดต่อเพื่อขอเยียวยาและรับผิดชอบแต่ละครอบครัวแล้ว

“เงินที่ได้มาไม่ว่าเท่าใดก็คงไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียหลานชาย ไม่สามารถแลกกันได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็คงต้องดำเนินการให้ดีที่สุด ยืนยันหลานชายไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย แต่เป็นการเข้าไปช่วยเหลือบุคคลอื่นจึงเป็นเหตุให้เสียชีวิต ส่วนในอนาคตหากตรวจสอบพบว่าเป็นความบกพร่องหรือประมาทจากหน่วยงานใดก็พร้อมจะหารือกับครอบครัวเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป” นางนารี กล่าว

ขณะที่ ร.ต.อ.ภูมิวัฒนา ฤทธิ์ทอง รองสว.สอบสวน สน.บางนา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง และได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วบางส่วน หลังจากนี้จะสอบปากคำญาติผู้เสียชีวิต บุคคลที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่กำกับดูแลทั้งหมด รวมถึงต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวช รพ.จุฬาฯ ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดมาประกอบสำนวนสรุปว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือความประมาทของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ด้านนายปริโสทัต ปุณณภุม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทย จำกัด(มหาชน) ได้เดินทางไปพบกับญาติผู้เสียชีวิตที่ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ ได้กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับนิสิตและเจ้าหน้าที่ของบริษัทกับครอบครัวผู้สูญเสียครั้งนี้ การเยียวยาผู้เสียชีวิตเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเมื่อเช้าที่ผ่านมามีญาติได้เข้าไปเชิญดวงวิญญาณที่โรงงานเพื่อพาผู้เสียชีวิตกลับบ้าน โดยนายชาญชัย บำเพ็ญกุศลที่วัดทองธรรมชาติ อ.แหลมงอบ จ.ตราด, นายพรศักดิ์ บำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก บ้านหนองแดง จ.ชัยภูมิ, นายชาตรี ที่บ้าน จ.สกลนคร และน.ส.ลักษ์ชนก นำไปที่วัดทรัพย์เกษตร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และ 5.น.ส.ปัญธิกา นิสิตจุฬาฯ จะนำศพไปที่วัดเมืองกาย ต.วัดเกตุ จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นจะมีทีมงานและผู้บริหารในจังหวัดไปเป็นเจ้าภาพให้ตลอดพร้อมจะมอบเงินช่วยเหลือ 3 ล้านบาททุกราย และถ้ามีเรื่องการศึกษาของบุตรผู้เสียชีวิตเราจะเข้าไปดูแลให้

เมื่อสอบถามเรื่องกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ นายปริโสทัต กล่าวว่า ในจุดนั้นไม่มีและในตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมคือ น.ส.ลักษ์ชนก ดูแลอยู่ ซึ่งเราบริหารการปลอดภัยเป็นอย่างดีและเราก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนน้องนิสิตที่มาดูงานและเยี่ยมชมโรงงาน มาดูระบบต่างๆ ในวันเกิดเหตุมาดูระบบน้ำเสียของโรงงาน และทุกวันบ่อบำบัดน้ำเสียจะปิดอยู่แล้ว

"ยืนยันว่าในวันที่เกิดเหตุ มี น.ส.ลักษ์ชนก เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมนำพาไป และในพื้นที่ดังกล่าวไม่อนุญาตให้เดินอยู่แล้ว น.ส.ลักษ์ชนกได้พาน้องนิสิตซึ่งเปรียบเสมือนแขก เราต้องดูแล ส่วนหลังจากนี้ไปคงต้องหามาตรการให้ดีขึ้นและต้องหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น และขณะเกิดเหตุมีหรือไม่มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ หลังเกิดเหตุทางเราได้คุยกับญาติแล้วทุกรายและเราพร้อมจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเมื่อเกิดเหตุแล้วเราก็ต้องทำการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น” นายปริโสทัต กล่าว