'ประยุทธ์' แจงละเอียดยิบข้อดี 'รถไฟไทย-จีน'

'ประยุทธ์' แจงละเอียดยิบข้อดี 'รถไฟไทย-จีน'

"พล.อ.ประยุทธ์" แจงละเอียดยิบข้อดี "รถไฟไทย-จีน" ย้ำสานต่อจากรัฐบาลก่อนเพื่อการลงทุนในอนาคต บอกวงเงิน 1.7 แสนล้านต่อรองลงมาตลอด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า สำหรับกรณีรถไฟ ไทย - จีน ขออย่าสับสนกับข้อมูล โดยเป็นความร่วมมือระหว่างไทย - จีน แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล มีการร่วมมือกันมาหลายรัฐบาลแล้ว มีข้อตกลงร่วมกัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้ก็เอามาสานต่อ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อจะเป็นการลงทุนในอนาคต เราจำเป็นต้องเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค เชื่อมโยงกับประชาคมโลกอีกด้วย จึงมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา

“การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบราง และระบบควบคุมการเดินรถ - อาณัติสัญญาณ คือพูดถึงทั้งระบบ ทั้งเส้นต้องทำทั้ง 3 อย่าง เพราะฉะนั้นฝ่ายไทยได้ตัดสินใจจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีกรอบการเจรจาวงเงินประมาณ 1.7 แสนล้านบาท มีการต่อรองมาตลอด มีการเทียบราคาซึ่งกันและกันทั้งต่างประเทศและในประเทศ ได้มีการต่อรองราคาอยู่ เราก็จะเป็นการจัดการประมูลในส่วนของการก่อสร้างให้บริษัทไทย หรืออาจจะมีการร่วมทุนกับบริษัทสัญชาติไทย ดังนั้นฝ่ายไทยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และในการบริหารจัดการอื่นในกรอบดังกล่าว โดยต้องเปรียบเทียบมาตลอดในการเจรจาทั้งหมด 18 ครั้ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

- ยันจีนไม่บีบเลือกทำสัญญา ชี้หากให้สัมปทานจีนได้ทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการร่วมลงทุนของจีนในลักษณะนี้อาจจะเรียกได้ว่า จีนยังไม่เคยทำกับประเทศใด นอกจากจะใช้ระบบสัมปทานแบ่งปันผลประโยชน์ โครงการนี้เป็นการรับจ้างก่อสร้าง เมื่อเราพิจารณาแล้วมีความเหมาะสมมากกว่า ส่วนมาตรฐานของจีนนั้น ก็ได้รับการยอมรับเนื่องจากได้มีการนำเทคโนโลยีของจีนไปใช้ก่อสร้างในหลายประเทศแล้ว รวมทั้งหลายประเทศในอาเซียนด้วย ซึ่งก่อสร้างไปแล้วหลายหมื่นกิโลเมตร

“ฝ่ายไทยมีโอกาสพิจารณา ทั้งการให้สัมปทานและการลงทุนเอง เราได้เลือกที่จะลงทุนเอง ไม่ได้เป็นการกำหนดจากฝากจีนเลย เนื่องจากหากเป็นระบบสัมปทาน ฝ่ายจีนจะเป็นผู้รับผลประโยชน์ทั้งหมด เช่นที่ทำอยู่ในหลายประเทศ ทั้งบนรางและสองข้างทาง เพราะว่าไปชดเชยกับค่าก่อสร้าง วันนี้เราก็จำเป็นต้องเอาตรงนั้นมาอีกส่วนหนึ่งเพื่อพิจารณาให้เกิดประโยชน์ทดแทนรายได้ที่จะลดลงในระยะแรก เราอาจจะได้รายได้ในการสัญจรไปมา ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอ ก็เหมือนกับทุกประเทศที่เขาทำอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันหากฝ่ายไทยเป็นเจ้าของ เราก็จะมีกิจการเป็นผู้พัฒนา 2 ข้างทางเอง เพื่อจะดูในการสร้างเมืองใหม่ พัฒนาเป็นพื้นที่ประกอบการทางธุรกิจน้อยใหญ่ที่พักอาศัยของชุมชน ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต วันนี้ตนได้สั่งการไปยังกระทรวงคมนาคม สนข. ไปคิดแผนออกมาควบคู่ด้วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยที่ผ่านมาให้แนวทางไปแล้ว มันก็จะเกิดผลตอบแทนเชิงธุรกิจสูงมากดีกว่าที่จะให้เลือกระบบสัมปทาน ประเทศชาติและลูกหลานของเราในอนาคต ก็จะสูญเสียโอกาสและไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า

“ส่วนการแก้กฎหมายนั้น เราจำเป็นต้องไปดูตรงนี้อีก การใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์ เพราะกฎหมายทำไม่ได้ เราต้องทำให้ได้ในลักษณะการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชนในโครงการขนาดใหญ่ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมานั้นบริเวณเส้นทางรถไฟทำอะไรไม่ได้เลย ทางด่วน รถไฟฟ้า เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมทั้งหมด มันก็ไปทำอย่างอื่นไม่ได้ วันนี้ต้องมาดูเพื่อเราจะได้ไม่เสียประโยชน์ธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆไปอีกด้วย ผมขอร่วมมือด้วยในอนาคตเรื่องกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

- แจงจำเป็นต้องเชื่อมต่อลาว-จีน-ปากีสถาน-ยุโรปตะวันออก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หากถามว่าเราจำเป็นต้องมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ อันนี้มันจำเป็นเพราะต้องมีการเชื่อมต่อเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นไทย – ลาว – จีน - ปากีสถาน และยุโรปตะวันออก เขามีการเชื่อมโยงกันแล้ว เราจำเป็นต้องมีการเชื่อมโยงไปด้วยคู่ขนานไปกับทางรถยนต์ ข้ามทวีป ข้ามประเทศต่างๆ เราก็ต้องทำไปด้วย ทางหลวงต่างๆเหล่านั้น เราก็เคยทำมาแล้วทางหลวง วันนี้เราก็เพียงแต่มาทำทางรถไฟ บางคนบอกว่าทำไมไม่มาทำทางรถไฟไทยทางคู่อย่างเดียวทั้งหมด ก็ต้องคู่ขนานกันทางคู่ก็ต้องทำไป

“ทุกอย่างทั้งหมดปัญหาอยู่ที่ว่าทำได้หรือทำไม่ได้ มันติดคนบุกรุกหรือเปล่า มันติดพื้นที่ป่าหรือไม่ มันติดในเรื่องของการทำประชาพิจารณ์หรือเปล่า ทั้งหมดคือปัญหาของเรา ถ้าเราปรับได้บ้าง เราเข้าใจกันบ้างมันก็จะเกิดได้ มันก็จะได้ไม่เสียเวลา และเราจะได้ตามทันคนอื่นเขาด้วย ในกรอบ One Belt One Road วันนี้ลาวก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมไปยังทางเดียวกับเรา เราต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ อีกทั้งเราจำเป็นต้องปรับ จัดทำกฎหมายหลายฉบับ โดยต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่เฉพาะ ไทย - จีน รวมทั้งอีก 64 ประเทศในกรอบ One Belt One Road ควบคู่ไปด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

- ระบุจัดประมูลไทยลงทุนเองทั้งหมด เทียบรถไฟเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ขาดทุนช่วงแรกก่อนกำไรมหาศาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การจัดการประมูลในส่วนที่ฝ่ายไทยลงทุนเอง เราจะต้องดำเนินการเองทั้งหมด การจัดการประมูล การใช้ บริษัทก่อสร้างไทย แรงงานไทย วัสดุในท้องถิ่นของไทยให้มากที่สุด ใช้แต่วิศวกรจากจีนมาเป็นผู้ออกแบบ ควบคุมแล้วก็ดำเนินการก่อสร้างภายใต้การทำงานของบริษัทก่อสร้างของเราซึ่งก็ต้องมีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน โดยการพิจารณาความคุ้มทุน ทุกคนก็ไม่มองเฉพาะจำนวนผู้โดยสารที่จะใช้บริการเท่านั้น ทุกประเทศที่ตนไปเยี่ยมเยียนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ช่วงแรกขาดทุนทั้งหมด แต่วันนี้เกิดผลประโยชน์สองข้างทางตามมามหาศาล โดยเราจะวางแผนอย่างไร เราจะมองผลประโยชน์อย่างไร ถ้าเราคัดค้านทั้งหมด ธุรกิจเหล่านี้จะเกิดไม่ได้เลย ผลประโยชน์เหล่านี้จะต้องกระจายลงไปยังแต่ละพื้นที่ที่เส้นทางพาดผ่าน ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ที่อยู่อาศัย พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนในพื้นที่

“ในเรื่องของการถ่ายทอดเทคโนโลยีการก่อสร้าง โดยวิศวกรของไทยอยู่ร่วมในการวางแผนก่อสร้าง ควบคุมงาน มันอยู่ในสัญญาที่จะต้องไปพูดคุยหรือเจรจากันต่อไป ซึ่งมีการพูดคุยมาต่อเนื่อง ในส่วนประสบการณ์แม้เราไม่เคยทำมาก่อน แต่ผมเชื่อมั่นในความศักยภาพของวิศวกรไทยว่าสามารถเปิดรับเทคนิคและประสบการณ์ใหม่ๆจากเส้นทางนี้ได้มาก เพราะเรามีความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องอะไรใหม่เราอาจจะต้องดูในระยะแรกไปก่อน ติดตามศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานในเส้นทางอื่นๆ ซึ่งอาจจะต้องทำเอง อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

- ย้ำเส้นทางอื่นเปิดโอกาสให้ทุกประเทศร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเส้นทางอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ เส้นทางเหนือ – ใต้ ตะวันออก – ตะวันตก เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกครั้ง เราต้องเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันจากหลายๆประเทศที่มีศักยภาพ สนใจอยากมีส่วนร่วม ไม่ใช่ว่า ทำเส้นนี้แล้วเส้นอื่นจะต้องเป็นแบบนี้มันใช่ มันมีหลายวิธีการ เราต้องทำให้มันเกิดขึ้นก่อนสักเส้นหนึ่ง แล้วเรามีการพัฒนา มีการประมูล มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี มันก็จะสามารถที่จะร่วมทุน หรือ TPP ร่วมกัน ในโอกาสต่อไปกับทุกประเทศ อย่าเอาอันนี้ไปพันกับอันอื่นเดี๋ยวมันจะมีปัญหาในการทำงานต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเทคนิคในการก่อสร้าง ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล อย่าไปห่วงกังวลเลย เพราะเรามีคนรับผิดชอบที่เรายอมรับได้อยู่แล้ว ระบบอาณัติสัญญาณนั้น เราก็ต้องผูกพันไว้ให้ได้ว่า ต้องสามารถเชื่อมโยงกันได้กับโครงการต่อๆ ไปไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนก็ตาม ต้องเชื่อมต่อกันให้ได้ อย่ากังวลในเรื่องนั้น เพื่อให้การเดินรถมีความปลอดภัยต่อเนื่องราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ส่วนการกำหนดราคาได้มีการผ่านการเจรจาต่อรอง นำรายละเอียดมาดูกัน ราคาค่าก่อสร้าง ราคาวัสดุ อุปกรณ์ มาเทียบกันหมดแล้ว

-ลั่นศึกษารอบคอบแล้ว วอนปชช.เข้าใจการทำงาน
“วันนี้ก็ตกลงข้อสรุปกันได้ประมาณ 1 แสน 7 หมื่นล้านบาท ก็ลดจากฝ่ายจีนที่เสนอมาจำนวนมากพอสมควร เราได้ศึกษามาอย่างรอบคอบ ข้อมูลการเปรียบเทียบการก่อสร้าง ในลักษณะเดียวกันในประเทศอื่นด้วยในกรอบวงเงินงบประมาณ ฉะนั้นในการดำเนินการทุกเรื่อง เราจะต้องยึดผลประโยชน์ของชาติมาก่อนเสมอ คำนึงถึงหนี้สาธารณะต่างๆในอนาคตด้วยที่จะต้องอยู่ในกรอบการเงินการคลังของเรา การทำพันธะสัญญาความร่วมมือในลักษณะจีทูจีนั้น ฝ่ายไทยดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ กระทรวงคมนาคม การรถไฟไทย ฝ่ายจีนเป็นไปตามหลักการทำธุรกิจของจีน คือให้หน่วยงานของรัฐรับผิดชอบ ได้แก่ สภาเศรษฐกิจ ในการรับรองบริษัทที่จะมาทำการก่อสร้างกับไทยเท่านั้น ไม่ใช่ว่าบริษัทอะไรก็ได้ เขาต้องรับผิดชอบรับรองด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนก็อยากจะขอร้องให้ทุกภาคส่วนได้มองในภาพกว้าง ไม่ว่าจะประชาชน ประชาสังคม นักวิชาการ วิศวกรต่างๆช่วยกัน กรุณานึกถึงผลประโยชน์ในอนาคตด้วย ความห่วงใยของท่าน ตนเคารพในความคิดเห็นของท่านเสมอ เราจะต้องสรรหารูปแบบต่างๆในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ การถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ จากการสร้างงาน สร้างรายได้ มีการพัฒนาฝีมือแรงงาน มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาการศึกษาของเรา ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เขาต้องการอย่างเช่นวันนี้ เราต้องการมาก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันการทุจริต จะต้องโปร่งใสนะครับ ทั้งในส่วนราชการ ข้าราชการ บริษัทก่อสร้าง นักธุรกิจไทย ต้องทำงานอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน เรื่องรถไฟความเร็วสูง เป็นเพียงหนึ่งในความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน มันมีตั้งหลายโครงการตั้งหลายอย่างที่ร่วมมือกันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันกับหลายประเทศ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การลงทุนร่วมกัน หรือการหาวิธีการแสวงหาความร่วมมือ มันจะช่วยพัฒนาความเชื่อมโยงและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนในระยะยาว และสนับสนุนความร่วมมือรูปแบบต่างๆที่จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นในอนาคต

“ขอให้ทุกคนช่วยกันในการบูรณาการในทุกระดับ ทั้งรัฐบาล คสช. กระทรวงคมนาคม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนอีกมากมาย ที่มีส่วนร่วมในการเจรจา จนมีความก้าวหน้า ซึ่งรัฐบาลและคสช. จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ มาตรา 44 เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ จากผลการเจรจาทั้งเกือบ 20 ครั้ง ที่ผ่านมาทั้งหมดมันมีความคืบหน้ามาตามลำดับ ถ้าช้าเกินไปเราก็เสียโอกาสการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เราก็จะสูญเสียไป ก็ขอให้ทุกคนพยายามศึกษาทำความเข้าใจ แล้วก็เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็น รัฐบาลก็ยืนยันทุกอย่าง มีข้อตกลงคุณธรรมเพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีการตรวจสอบได้ ใครทุจริต ก็จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว