ลุ้น '15 หุ้นใหญ่' วิ่ง ปิดท้ายไตรมาส2

ลุ้น '15 หุ้นใหญ่' วิ่ง ปิดท้ายไตรมาส2

ลุ้น15 หุ้นใหญ่วิ่ง "แรงซื้อ" ปิดท้ายไตรมาส2หนุน 

สัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 2 ปี 2560 นักวิเคราะห์ประเมินว่า กลุ่มนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะกองทุนในประเทศ น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ เช่นเดียวกันทุกๆ ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าเป็นไปตามคาด ดัชนีหุ้นไทยก็มีโอกาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 1,600 จุด ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน แต่คงต้องเลือกลงทุนหุ้นที่กองทุนนิยมถือลงทุน เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนในระดับที่ดี

 ทั้งนี้ กรุงเทพธุรกิจได้สำรวจพบว่า บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ประเมินการซื้อปิดงวดบัญชีรอบนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นน่าจะได้แรงหนุนจากการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ จากการทำ window dressing ก่อนจะสิ้นไตรมาส 2 ของปีนี้ และน่าจะผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแต่ 1,590-1,595 จุดในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า

จากการศึกษาของนักวิเคราะห์เชิงปริมาณของบล.เอเซียพลัส พบว่า สถิติย้อนหลัง 5 ปี ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 ดัชนีเซ็ท50 มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าเซ็ท โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูง 1.5% และมีโอกาสเกิดขึ้นสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับเซ็ทให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1.4% โดยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 80% เช่นกัน สาเหตุหลักมาจากการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยหุ้นที่มีมูลค่าตลาด 15 อันดับแรก ที่คาดจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก พร้อมกับโอกาสที่จะเกิดขึ้น

สำหรับ 15 หุ้นที่นิยมถือลงทุนมากสุด พิจารณาสัดส่วนจาก เม.ย. 2560 ประกอบด้วย หุ้นปตท. 23% หุ้นปูนซิเมนต์ไทย 17.8% หุ้นซีพีออลล์ 11.4% หุ้นแบงก์กรุงเทพ 6.4% หุ้นกสิกรไทย 6.2% หุ้นเอโอที 5.5% หุ้นเบอร์ลี่ 4.7% หุ้นไทยพาณิชย์ 3.9% หุ้นบีดีเอ็มเอส 2.6% หุ้นผลิตไฟฟ้า 1.8% หุ้นปตท.สผ. 0.7% หุ้นไมเนอร์ 0.7% หุ้นไทยยูเนี่ยน 0.7% หุ้นเงินทุนธนชาต 0.6% และหุ้นอื่นๆ อีก 7.9%

หากพิจารณาจากผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้น 15 ลำดับแรกที่กองทุนนิยมถือมากที่สุดในช่วง 1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 ซึ่งใช้ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี โดยหุ้นที่ปรับตัวชนะตลาด มี 8 บริษัทประกอบด้วย หุ้นบีดีเอ็มเอส ให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ย 4.1% หุ้นแอดวานซ์ 3.7% หุ้นเอโอที 3.4% หุ้นแบงก์กรุงเทพ 2.8% หุ้นซีพีออลล์ 2.6% หุ้นไมเนอร์อินเตอร์ 2.5% หุ้นแบงก์ไทยพาณิชย์ 2.4% หุ้นเบอร์ลี่ 1.9%

การศึกษาข้อมูลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 5 ปีพบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสิทธิในเดือนมิ.ย. 4 ใน 5 ปี โดยมียอดซื้อสะสม 8.70 พันล้านบาท และหากพิจารณาจากสัดส่วนการถือครองเงินสดของกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่สุด 60 อันดับแรก ณ สิ้นมิ.ย. 2560 พบว่า กองทุนเหลือเงินสด 3.35% หรือ 1.6 หมื่นล้านบาท และตั้งแต่พ.ค.ถึงวันที่ 21 มิ.ย. 2560 สถาบันซื้อสุทธิ 9.7 พันล้านบาท ดังนั้นสถาบันยังพอมีเงินสดเหลือ 6.4 พันล้านบาท ทำให้เชื่อว่าช่วง 1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 น่าจะมีแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นเหมือนในอดีตเช่นเคย

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์สุดท้ายไตรมาส 2 ปีนี้จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนว 1,585-1,590 จุด หนุนด้วยประเด็นบวกในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ความคาดหวังต่อแรงซื้อเพื่อปิดงวด ไตรมาส 2 ปี 2560 ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิ.ย. 2560 ขณะเดียวกัน จะมีการปรับน้ำหนักดัชนีเซ็ท50 และเซ็ท100 หุ้นที่น่าสนใจเข้าเก็งกำไรระยะสั้น ประกอบด้วย หุ้นเบอร์ลี่,หุ้นโมโน และหุ้นอนันดา