MGT - ซื้อ

MGT - ซื้อ

ปรับประมาณการปี 60 เพิ่มขึ้น 8% จากการขยายตลาดเชิงรุก

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- บริษัทเปลี่ยนมาใช้การตลาดเชิงรุกโดยเพิ่มจำนวนพนักงานขายและเริ่มเปิดสาขา : บริษัทได้เพิ่มพนักงานขายจาก 7 คนเป็น 14 คนเพื่อรองรับการเพิ่มของผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่กำลังเจรจากับพันธมิตรจากประเทศฝรั่งเศสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคมีสำหรับคอนกรีตตึกสูง และรองรับการขยายตลาดผลิตภัณฑ์เดิมในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นหลังห้องแล็ปทดสอบคุณสมบัติแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะช่วยให้พนักงานขายสามารถบริการลูกค้าได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่น เสนอส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้กับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ตรวจสอบส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่เกิดปัญหาของลูกค้า เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทเตรียมเปิด 2 สาขาที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดนครพนมในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยางพาราในภาคอีสานและภาคใต้ และเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศพม่าและกัมพูชาในปี 61 เพิ่มเติม

- ปรับประมาณการกำไรปี 60 และ 61 เพิ่มขึ้น 8% และ 10% ตามลำดับ: ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 60 หลังบริษัทใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตราว 17%YoY สู่ระดับ 660 ล้านบาทโดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มจำนวนพนักงานขายและการเปิดสาขาในต่างจังหวัดช่วงครึ่งปีหลังโดยเน้นขายสินค้ากลุ่มพอลิเมอไรเซชั่นและสินค้ากลุ่มสี ขณะที่คาดว่าบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นได้ 27% เพราะบริษัทมีบริการเก็บรักษา ตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงช่วยแก้ไขปัญหาในการใช้เคมีภัณฑ์ร่วมกับลูกค้าซึ่งเป็นจุดแข็งที่บริษัทมีเหนือคู่แข่ง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะปรับตัวลงจาก 19% ในปี 59 สู่ระดับ 17.5% ของยอดขายในปี 60 เนื่องจากค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนพนักงานฝ่ายซัพพอร์ตที่สำนักงานใหญ่ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ ส่งผลให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการเติบโตของยอดขาย ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 60 และ 61 เพิ่มขึ้น 8% และ 10% สู่ 52 ล้านบาทและ 65 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโต 58%YoY และ 27%YoY ตามลำดับ

- คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 3.47 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PEG Ratio โดยเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 60 จาก 0.119เป็น 0.129 บาท และคำนวณอัตราการเติบโตของกำไรในปี 60-61 จาก 24% เป็น 27%YoY ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่เพิ่มขึ้นจาก 2.86 บาทเป็น 3.47 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงคงแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยง

1) อุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวกว่าที่ประเมินไว้

2) การขยายสาขาล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้