MORNING CALL ACTION NOTES (23 มิ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (23 มิ.ย.60)

Selective Buy

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อกลุ่มหุ้นที่คาดว่ากำไร Q2/17 จะเติบโตขึ้น รวมถึงตอบรับตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนพ.ค.พุ่งสูงสุดในรอบ 52 เดือน ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,580.91 จุด (+3.90 จุด) ด้วย Vol. 3.8 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +820 ลบ. TFEX Net +1,681 สัญญา และตลาดตราสารหนี้ +1,625 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ก.พาณิชย์เผยเดือนพ.ค.60 การส่งออก +13.2% สูงสุดรอบ 52 เดือน, การนำเข้า + 18.2% และเกินดุล 944 ล้านดอลล์

+ กรมเชื้อเพลิงฯ คาดออก TOR ประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณ-บงกชในส.ค.นี้ รู้ผลภายในก.พ.61

+/- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงเล็กน้อย จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค รวมถึงจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 241,000 ราย

+/- ราคาน้ำมันรีบาวด์เล็กน้อยล่าสุด 42.9 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ 509.1 ล้านบาร์เรล

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนพลิกเป็น Net Buy 820 ลบ. ตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.เป็น Net Sell ราว 4 พันลบ. และเงินบาทแข็งค่าล่าสุด 33.9 Bath/USD

** 26 มิ.ย. จับสลาก Solar Farm สหกรณ์ 119 MW และราชการ 100 MW

** ติดตามการทำ Window Dressing ปิด Q2/60 ช่วงปลายเดือนมิ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค.พุ่งสูงสุดในรอบ 52 เดือน ซึ่งทำให้ GDP ปี60 มีโอกาสที่จะทำได้ตามเป้าที่ 3 – 4% รวมถึงแรงซื้อหุ้นรายตัวที่คาดว่างบ Q2/60 เติบโตและ Window Dressing ปิด Q2/60 เป็นแรงหนุนต่อดัชนี อย่างไรก็ตาม Fund Flow ที่ผันผวนสลับซื้อ/ขายทำให้ทิศทางไม่ชัดเจน ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,575 – 1,590 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy

- กลุ่มรับเหมา, สายการบิน , EPG , TASCO ได้ประโยชน์ต้นทุนราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

- SYNEX SIS COM7 HARN MGT BIZ ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า

- กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS BH) และค้าปลีก (GLOBAL BJC) คาดเป็นเป้าหมายการทำ Window Dressing เนื่องจากราคา Underperform SET

- TFD ผนึก "คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้ง" ยักษ์อสังหาจากจีน ร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียมและเรสซิเดนต์ระดับพรีเมียม มูลค่า 6,800 ล้านบาท

หุ้นแนะนำพิเศษ

BPP (ราคาปิด 27 Bloomberg Consensus 27.11)

- Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 17 อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาทเติบโต 26%YoY โดยได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้าหงสาที่คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 75-80% จากปี 16 ที่ระดับ 63% และคาดว่าโรงไฟฟ้าในจีนกำไรจะปรับตัวดีขึ้นหลังราคาถ่านหินเริ่มปรับตัวลง นอกจากนี้ผลประกอบการได้รับแรงหนุนจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ในจีนที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อีก 70 MW ตั้งแต่ ก.พ. ส่งผลให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 1.93 GW

- เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้าที่จีนเนื่องจากจีนมีอากาศร้อนจัดทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนปรับตัวลงตามราคาถ่านหินที่ลดลง 10%QTD

- เข้าคำนวณ SET 50 และ 100 ที่จะมีผลตั้งแต่ 1/7/17

หุ้นมีข่าว

- (-) PTT (ราคาปิด 378 Bloomberg Consensus 425.2613.72) เผยอาจขาดทุนสต็อกใน Q2/60 หากราคาน้ำมันดิบปิดต่ำกว่า 53.1 เหรียญฯ/บาร์เรลใน Q1/60

   ความเห็น เราคาดว่ากลุ่มโรงกลั่นจะบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง 15% QTD อีกทั้งคาดว่า PTTEP จะได้รับผลกระทบด้านลบต่อการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้การรับรู้กำไรในบริษัทย่อยของ PTT มีแนวโน้มปรับตัวลงจาก 1Q60

- (+) AOT (ราคาปิด 46.50 Bloomberg Consensus 44.62) อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงแนวทางการเก็บค่าเช่าพื้นที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปว่า กรมธนารักษ์จะให้ส่วนลดในการเช่าพื้นที่ใน ส่วนที่ไม่ใช้ในการบิน เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ทั้งหมด

- (+) BEM (ราคาปิด 7.15 Bloomberg Consensus 8.20) รฟม.เปิดแน่ 11 ส.ค. เดินรถไฟฟ้าเชื่อมสถานี'เตาปูน-บางซื่อ' เชิญนายกฯตัดริบบิ้น 15 ส.ค. เก็บค่าโดยสารเท่าเดิม รฟม.ลุย เปิดประมูลสร้างท่าเรือสถานีพระนั่งเกล้า ก.ค.นี้ คาดเปิดบริการรถไฟฟ้าเชื่อมเรือด่วน ก.ย.61

- (+) ORI (ราคาปิด 14.90 Bloomberg Consensus 16.13)โชว์แบ็กล็อกพุ่ง 17,400 ล้านบาท หลังเปิดขาย 4 โครงการใหม่ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ลูกค้าตอบรับดีกวาดยอดขายกว่า 3,400 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของมูลค่าโครงการรวม 8,400 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

- (-) ประเด็นลบหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย : รมว.การคลังเตรียมชง ครม.อนุมัติกฎหมายภาษีลาภลอย-ภาษีทรัพย์อิงสิทธิใน 2-3 สัปดาห์นี้ ชี้อสังหาฯ ได้อานิสงส์แน่จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน



ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -12.74 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,397.29 จุด ลดลง 12.74 จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,434.50 จุด ลดลง 1.11 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,236.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด หรือ +0.04% โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องแม้ราคาน้ำมันดิบ WTI เริ่มฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างคึกคัก หลังจากวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ เพื่อนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.21 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 42.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 2