'คลัง'เดินหน้าตั้งซีเอ็มดีเอฟ

'คลัง'เดินหน้าตั้งซีเอ็มดีเอฟ

“คลัง”เดินหน้าตั้งซีเอ็มดีเอฟ มั่นใจแล้วเสร็จปีนี้-ยันไม่เกี่ยวฐานะรัฐบาล ก.ล.ตสรุปผลเฮียริ่ง ก่อนชงบอร์ดตัดสินใจ6ก.ค.นี้

“อภิศักดิ์”ยันจัดตั้งกองทุนซีดีเอ็มเอฟปีนี้ แจงไม่เกี่ยวกับฐานะการคลัง ด้าน“ก.ล.ต.”ระบุเตรียมนำผลสรุปความเห็นเข้าประชุมบอร์ด 6 ก.ค.นี้ ก่อนชงคลังสัปดาห์ถัดไประบุ มี 2 ข้อสังเกตกองทุนไม่ควรเป็นของรัฐ และอัตราส่วนรายได้จากตลาดเข้ากองทุนที่90%มากเกินไป

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า แผนการนำเงินของตลาดหลักทรัพย์มาจัดตั้งกองทุนพัฒนาตลาดทุน(CMDF) กระทรวงการคลังต้องการเห็นภายในปีนี้ แต่ต้องพิจารณาหลักการ โดยเรื่องนี้มีหลักการที่ต้องการแยกการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ ในเรื่องการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับการพัฒนาตลาดทุนออกจากกัน เมื่อต้องการแยกก็มองถึงเงินที่จะใช้พัฒนาตลาดทุน และสรุปว่าให้นำเงินที่เหลือจากการใช้ของตลาดหลักทรัพย์มาจัดตั้งกองทุน

“เมื่อมีคำถามว่าการนำเงินออกมาจะทำให้ตลาดอ่อนแอ เรื่องนี้ไม่ต้องการให้มีปัญหา และเงินที่จะเอามาเป็นเงินที่เหลือใช้ ฉะนั้นตลาดจะไม่แย่ขณะนี้ตลาดมีเงินอยู่2 หมื่นล้านบาท ตลาดบอกเหลือ 8 พันล้านบาท จึงให้เอามาตั้งเป็นเงินประเดิมกองทุน”

ในปีต่อๆไป เมื่อตลาดใช้เงินจนเหลือ ก็ให้นำมาใส่กองทุน เพื่อให้กองทุนทำหน้าที่พัฒนาตลาดทุนแทนที่จะเก็บไว้ ทั้งนี้ ผู้ที่จะทำหน้าที่ดูแลเงินกองทุนจะเป็นกรรมการที่คัดเลือก โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เมื่อมีโครงการที่ต้องการพัฒนา ตลาดสามารถเสนอมาได้ แต่ต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนด้วย ส่วนกรณีตั้งคำถามว่าทำไมให้ก.ล.ต.ตั้งกรรมการ เหตุผลคือกฎหมายใหม่มีการเปลี่ยนบทบาทก.ล.ต.กำหนดให้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการพัฒนาตลาดทุนด้วย และจะต้องมาทำข้อตกลงกับคลัง เหมือนแบงก์ชาติที่ดูแลตลาดเงิน ก็ทำข้อตกลงกับคลัง ไม่เช่นนั้น ตลาดทุนก็ไม่มีใครดูแล

นอกจากนี้ เงินส่วนนี้ รัฐบาลเอามาพัฒนาตลาดทุนเป็นการรวมศูนย์ เพื่อประหยัดงบลงทุน ส่วนเรื่องของกรรมการกองทุนมีข้อสังเกตว่าเป็นคนของหน่วยงานรัฐมากไป เรื่องนี้มีการปรับปรุงได้ รวมทั้งหากจะนำเงิน 90%ของกำไรส่วนที่เหลือมาจัดใส่ไว้ในกองทุนเป็นตัวเลขที่ทำขึ้นมา เพื่อรับฟังความคิดเห็น แต่หลักการ คือให้เขาใช้จนเหลือแล้วเอามาส่ง หรืออาจใช้สูตรใหม่ก็ได้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) วงเงิน 8,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังเตรียมหารือตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหาข้อสรุปให้ได้เร็ว ๆ นี้ และการใช้เงินจากกองทุนของตลาดไม่ได้เกิดปัญหากระทรวงการคลังไม่มีเงิน แต่เป็นแนวคิดจากทั้งภาครัฐ เอกชน เพื่อพัฒนาตลาดทุนจึงไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซง

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานก.ล.ต.กล่าวว่า หลังจากเปิดรับฟังความเห็นการจัดตั้งกองทุนซีเอ็มดีเอฟร่วมกับสมาคมบลจ. สมาคมบล. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย จนถึงเมื่อวันที่ 21 มิ. ย. 2560 เพื่อรวบรวมและนำเสนอกระทรวงการคลังต่อไป

เบื้องต้น พบว่า ความเห็นส่วนใหญ่สนับสนุน 2ประเด็นแรก คือ เรื่องการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวให้แยกออกมาจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้กองทุนนี้สามารถทำอะไรได้มากกว่าซื้อขายหุ้นอย่างเดียว และการจัดสรรเงินตั้งต้น 8,000ล้านบาท ถือว่าเหมาะสม ตลาดยังมีเงินเหลืออีกกว่า 14,000 ล้านบาทในการพัฒนาในอนาคต

ขณะที่ยังมีการตั้งข้อสังเกต2 ประเด็นพบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะให้กองทุนนี้เป็นของภาครัฐ เพราะถ้าเป็นรัฐจะมีข้อจำกัดหลายเรื่อง อาจต้องมีระเบียบการตรวจสอบ ทำให้ไม่มีความคล่องตัว และคณะกรรมการที่เข้ามาอยู่ในกองทุนต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงอัตราจัดสรรรายได้ของตลาดหลักทรัพย์มาที่กองทุน หากเอาเงินเข้ามาใส่ในกองทุนนี้มากอนาคตหากตลาดหลักทรัพย์ มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน อาจจะไม่มีเงินเหลือพอ

ทั้งนี้ การประชุมบอร์ดก.ล.ต.วันที่ 6ก.ค.นี้ จะสรุปความเห็นในประเด็นต่างๆเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาสัปดาห์ถัดไป ขึ้นอยู่กับคลังจะมีการทบทวนเพิ่มเติมหรือไม่

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนซีเอ็มดีเอฟเกิดขึ้นจากเจตนาดีทุกฝ่าย แต่ต้องมีการศึกษารายละเอียดรูปแบบการจัดตั้งกองทุนร่วมกัน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาศึกษาเพราะเป็นเรื่องสำคัญ