MORNING CALL ACTION NOTES (22 มิ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (22 มิ.ย.60)

เลือกเล่นรายตัว

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงจากแรงขายกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อดักกลุ่มที่คาดว่างบ Q2/60 จะเติบโต เช่น FOOD FIN AUTO ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,577.01 จุด (-1.61 จุด) ด้วย Vol. 4.2 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -599 ลบ. TFEX Net -5,880 สัญญา และตลาดตราสารหนี้ +5,358 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงจากแรงขายกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ร่วงลง แม้ว่าตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. +1.1%MoM สู่ 5.62 ล้านยูนิต

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 42.7 US/Barrel จากความกังวลอุปทานล้นตลาดหลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้น 20,000 บาร์เรล สู่ 9.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี

+/- รมว.น้ำมันอิหร่านเผยว่ากลุ่มโอเปกกำลังพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้นหลังสหรัฐเพิ่มการผลิตน้ำมัน

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.เป็น Net Sell ราว 4.8 พันลบ. อย่างไรก็ตามเงินบาทยังแข็งค่าล่าสุด 33.9 Bath/USD

- ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯเดือน พ.ค.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังเอกชนกังวลบาทแข็ง-เอสเอ็มอีขาดเงินทุนหมุนเวียน ส่วนการส่งออกรถยนต์หดตัว 9.5% ส.อ.ท.จ่อปรับเป้าต่ำกว่าคาด 1.2 ล้านคัน

- บอร์ด AOT ลงมติยกเลิกประมูลงานระบบ APM สุวรรณภูมิ 2.8 พันล้านบาทเป็นครั้งที่ 2 เหตุ ILINK เสนอสูงกว่าราคากลาง 5% หวั่นเจอเช็กบิลย้อนหลัง จ่อเปิดประมูลรอบ 3 ในอีก 2 เดือน (ข่าวหุ้น)

** 26 มิ.ย. จับสลาก Solar Farm สหกรณ์ 119 MW และราชการ 100 MW

** ติดตามการทำ Window Dressing ปิด Q2/60 ช่วงปลายเดือนมิ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงต่อเนื่องจากความกังวล Oversupply รวมถึง Fund Flow ที่ยังผันผวนเป็นแรงกดดันต่อดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อหุ้นรายตัวที่คาดว่างบ Q2/60 เติบโตช่วยพยุงดัชนีได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับบริเวณ 1,570 – 1,575 จุดก่อนจะรีบาวด์ขึ้นระหว่างวัน

กลยุทธ์การลงทุน รอซื้อเล่นรีบาวด์แบบ Selective Buy

- กลุ่มรับเหมา, สายการบิน , EPG , TASCO ได้ประโยชน์ต้นทุนราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

- SYNEX SIS COM7 HARN ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า

- หุ้นที่เข้าคำนวณรอบใหม่ (มีผล 1 ก.ค. – 31 ธ.ค.2560 )

     SET50 ได้แก่ BJC BPP EA MTLS RATCH SCCC TISCO

     SET100 ได้แก่ ANAN BCPG BJC BPP EA GFPT MALEE MEGA MONO PTL RATCH SCCC WORK


หุ้นแนะนำพิเศษ

HARN Analyst Meeting

- กำไร 1Q60 โต 94.3%yoy มาที่ 26 ลบ. หลัง Backdoor listing เพิ่มไลน์สินค้าเป็น 3 กลุ่ม ผู้บริหารมีความเห็นเชิงบวกหลังควบรวมทำให้มี Economies of scales และ Synergy จากความเกี่ยวเนื่องของสินค้าที่อยู่ในกลุ่มวิศวกรรมอาคาร เพิ่มยอดขายของในทุกไลน์สินค้า

- ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โตเป็นเท่าตัวจากการควบรวมซึ่งส่งผลเต็มปีในปีนี้และการเพิ่มสินค้าในตลาดใหม่ อาทิ กล้องจับเปลวเพลิง และท่อควบคุมความเย็นแบบใหม่ หวังปั้นบริษัทเป็นวิศวกรรมอาคารครบวงจร แผนลงทุนประเทศใกล้เคียงอยู่ระหว่างการจับตายอดขายผ่านพนักงานท้องถิ่นและพันธมิตรก่อนตัดสินใจ สำหรับเป้ารายได้ปี 61 โต 11 – 12%yoy

  ความเห็น การเติบโตช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสยืนสูงโดยเฉพาะงวด 2Q60 จากฐานที่ต่ำมากใน 2Q59 ส่งผลให้ PER ต่ำลงจาก Current PER ที่สูงถึง 36 เท่า แต่ความเสี่ยงที่น่าจับตาเป็นเรื่องการลงทุนเพิ่มสินค้าใหม่และการลงทุนในตปท. ที่มีผลต่อปี 61 เป็นต้นไป ขณะที่สถานะการเงินยังดีเยี่ยมด้วย D/E 0.23 เท่า และมีเงินสดกว่า 360 ลบ.

หุ้นมีข่าว

- (+) CK (ราคาปิด 29 Bloomberg Consensus 35.77) เซ็นสัญญากับ BEM แล้ว รับงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย มูลค่า 19,642 ล้าน (ที่มาข่าวหุ้น)

  ความเห็น ฝ่ายวัจยมีมุมมองบวกต่อการรับงานใหม่ของ CK ส่งผลให้ Backlog เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.7 หมื่นล้านบาทเพียงพอรับรู้รายได้อีก 3 ปี นอกจากนี้ CK ยังมีอัพไซด์จากการประมูลรถไฟรางคู่ประจวบฯ-หัวหิน และประจวบ-ชุมพร ปลาย ก.ค.และส.ค.ตามลำดับมูลค่ารวม 2.8 หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีม่วงมูลค่า 1.3 แสนล้านบาทที่กำลังจะเสนอให้ ครม.อนุมัติการประมูลในครึ่งปีหลัง

- AOT (ราคาปิด 46 Bloomberg Consensus 44.62) วางเป้า Big Change ดันรายได้ Non-Aero เพิ่มแตะ 50% ปี 64 จาก 43% ในปัจจุบัน เพิ่มพื้นที่เชิงพาณิชย์-เล็งพัฒนาโครงการใหญ่ (ที่มา อินโฟเควสท์)

- SCC (ราคาปิด 508 Bloomberg Consensus 586.88) ร่วมทุน 49% จัดตั้งบ.โลจิสติกส์ในอินโดนีเซีย เริ่มเปิดบริการภายใน Q4/60

- PLANB จะเซ็น MOU วันนี้เข้าร่วมทุน 50% ตั้งบริษัทให้บริการสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยในลาว

- BM จะซื้อที่ดินเปล่าข้างเคียงโรงงานบริษัทในจ.สมุทรปราการ มูลค่า 15.98 ลบ. รองรับการขยายธุรกิจ

- FVC คาดกำไรสุทธิปีนี้ทำนิวไฮ รับรายได้โตเป็นไม่ต่ำกว่า 500 ลบ.,สรุปลงทุนธุรกิจสุขภาพและความงามใน 2-3 เดือน

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -57.11 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,410.03 จุด ลดลง 57.11 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,435.61 จุด ลดลง 1.42 จุด หรือ -0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,233.95 จุด เพิ่มขึ้น 45.92 จุด หรือ +0.74%เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอีกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.98 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 98 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 42.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) การผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และอาจเป็นปัจจัยขัดขวางความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)