แอตต้ามั่นใจไตรมาส4ทัวร์จีนฟื้นลุ้นแตะ10ล้านคน

แอตต้ามั่นใจไตรมาส4ทัวร์จีนฟื้นลุ้นแตะ10ล้านคน

แอตต้า มั่นใจธุรกิจทัวร์ครึ่งปีหลังฟื้น ชี้ตลาดหลักยอดเติบโต กางแผนนำสมาชิกร่วมเทรดโชว์ 2 รายการใหญ่โลกจับตลาดยุโรป พร้อมโรดโชว์ฮาร์บิ้น-ต้าเหลียน สร้างฐานตลาดใหม่จีน ลุ้นฟื้นไตรมาส 4 ดันยอดรวมแตะ 10 ล้านคน

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หลังจากได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และจัดการประชุมคณะกรรมการสมาคมที่ดูแลทุกตลาด ประเมินแนวโน้มธุรกิจนำเที่ยวครึ่งปีหลังจะกลับมาเติบโตได้ดี ต่างจากครึ่งปีแรกที่ขยายตัวไม่มาก เนื่องจากตลาดจีนซึ่งเป็นฐานใหญ่ยังอยู่ในช่วงปรับลดลงทำให้ฉุดภาพรวม และตลาดมาเลเซีย ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ

สาเหตุที่ประเมินการพลิกฟื้นในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทยทั้งหมดขยายตัว ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดีย, รัสเซีย, ยุโรป และเวียดนาม โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่คาดว่าตลาดจีนจะเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และส่งผลให้ยอดรวมนักท่องเที่ยวมาไทยจากทุกประเทศปีนี้ จะไม่ต่ำกว่า 34 ล้านคน และมีโอกาสถึง 35 ล้านคนได้ หากสามารถส่งเสริมตลาดจีนให้เติบโตได้ 10% ตลอดทั้งปีนี้ หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านคน มากกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 9.5 ล้านคน

ความมั่นใจผลักดันตลาดจีนขยายตัว เนื่องจากจีดีพีของประเทศยังขยายกว่า 5-7% และแอตต้ามีแผนเข้าไปโรดโชว์ที่ฮาร์บิ้น และต้าเหลียน ในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความต้องการในเดินทาง ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นจะกระตุ้นให้สายการบินสนใจเปิดเที่ยวบินประจำ ทำให้พื้นที่ทำตลาดขยายตัวเพิ่ม โดยจุดเด่นที่นำเสนอสู่ตลาดจีน จะเป็นยุทธศาสตร์เดียวกับตลาดอินเดีย และอาเซียน คือ นำเสนอไทยในฐานะจุดศูนย์กลางของทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว สามารถเดินทางเข้าถึงสะดวกด้วยระยะเวลา 1-4 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งยังสอดรับกับการที่สายการบินโลว์คอสต์กำลังขยายเส้นทางจำนวนมาก

“นอกจากจีนที่มีแผนเชิงรุกในไตรมาส 4 ชัดเจน ต้องจับตามองตลาดอินเดีย ที่มีการเติบโตของจีดีพีเฉลี่ย 6-8% เช่นเดียวกับอาเซียนที่มีการเดินทางมาไทยสะดวกสบายอยู่แล้ว ดังนั้นภายในครึ่งปีหลังและตลอดปี 2561 จะนำสมาชิกออกไปโรดโชว์ใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และเมียนมา เพื่อตอกย้ำกลุ่มลูกค้าด้วย”

นอกจากนั้น มีแผนรักษาฐานตลาดยุโรปที่เป็นลูกค้าดั้งเดิม ด้วยการนำผู้ประกอบการราว 28 รายไปร่วมงานเทรดโชว์ 2 รายการใหญ่ของโลก “เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต” ที่กรุงลอนดอน ในเดือน พ.ย.นี้ และไอทีบี เบอร์ลิน ในเดือน มี.ค.2561 ซึ่งเป็นการลงทุนเช่าพื้นที่ของแอตต้าเอง และต่อเนื่องด้วยการจัดโรดโชว์ไปยังกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ที่มีศักยภาพเติบโต อาทิ โปแลนด์, ฮังการี, สาธารณรัฐเชก และยูเครน เป็นต้น

นายวิชิต กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ต้องปรับตัวต่อไปคือ การทำตลาดจีนที่ต้องกระจายนักท่องเที่ยวไปตลอดปีมากขึ้น เปลี่ยนจากเดิมที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในช่วงวันหยุดสำคัญ เช่น วันชาติจีน หรือโกลเด้นวีค เดือน ต.ค. เพราะมีตัวแปร 2 เรื่อง คือ จำนวนวันหยุดในเทศกาลสั้นลง ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการเดินทาง และค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลจะมีราคาสูงกว่า ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดการเรียนรู้และหันไปเดินทางท่องเที่ยวช่วงอื่น ทั้งนี้ หากสามารถส่งเสริมได้ตรงกับความต้องการ มั่นใจว่าแต่ละปีจะเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวจีนได้ถึงปีละ 5 แสน – 1 ล้านคน

                ทั้งนี้ แอตต้า ยืนยันว่าพร้อมจะเข้าเป็นหน่วยงานที่ประสานระหว่างสายการบิน และท่าอากาศยานในประเทศ เพื่อส่งเสริมตลาดร่วมกัน หากสนามบินต้องการเพิ่มการจราจรและมีแผนสิทธิประโยชน์ส่งเสริม ก็จะจับคู่ให้กับสายการบินที่สนใจได้ เพราะถือว่าเป็นการประสานประโยชน์ได้ทั้งสองฝ่าย สายการบินจะมีจุดบินใหม่ที่มีความต้องการของตลาดรองรับอยู่แล้ว แทนที่จะต้องไปเปิดทับซ้อนเส้นทางแข่งกันในจุดหมายเดิมๆ ส่งผลให้เกิดการตัดราคาต่ำ ขณะที่ต่างจังหวัดของไทย ได้รับรายได้จากการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวด้วย