Daily Market Outlook (22 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (22 มิ.ย.60)

ยังมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่ร่วง

คาดตลาดหุ้นไทยอยู่ในกรอบแคบค่อนไปทางลบวันนี้ ฉุดโดยความกังวลของเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง นักลงทุนทั่วโลกยังกังวลในเรื่องการเติบโตระยะยาวของเศรษฐกิจ สะท้อนโดยเส้นผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มลาดลงต่อ ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นเหนือคาดของยอดขายบ้านสหรัฐ ราคาน้ำมันที่ร่วงน่าจะส่งผลลบต่อหุ้นพลังงานเช่นกัน ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีผลต่ออารมณ์ตลาด แม้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค.และดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่มีปัจจัยหนุนจากงาน Thailand’s Big Strategic Move ซึ่งจะเผยแผน Thailand 4.0 ต่อนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเริ่มงานตั้งแต่วันนี้ คาดว่าจะช่วยหนุนตลาดในช่วง 2 วันสุดท้ายของการซื้อขายในสัปดาห์นี้

หุ้นเด่นวันนี้: WIIK(ราคาปิด 5.05 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท)

ปัจจัยบวกสนับสนุนการลงทุนใน WIIK ได้แก่ (1)งานบริหารจัดการน้ำโครงการที่ 2 ของ WIIK ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ได้เริ่มดำเนินการจ่ายน้ำแล้วตั้งแต่ 5 มิ.ย.60 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่บริษัทเคยให้กรอบเวลาไว้ว่าเลื่อนจากภายในเดือน พ.ค.60 มาเป็น มิ.ย.60 นอกจากนี้คาดว่าจะมีโครงการบริหารจัดการน้ำโครงการละประมาณ 12,000 ลบ.ม.ต่อวัน เข้ามาสมทบอีกอย่างน้อย 2 โครงการในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ซึ่งธุรกิจบริหารจัดการน้ำ จะเป็นการเพิ่มรายได้ Recurring Income ที่มีมาร์จิ้นดี (2) นโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะกระตุ้นการลงทุนในภาคตะวันออก ทำให้ภาครัฐบาลมีแผนทำโครงการเร่งด่วน 48 โครงการเพื่อรองรับเกี่ยวกับระบบน้ำ วงเงิน 7 พันล้านบาท รวมถึงการเพิ่มอ่างเก็บน้ำ การสร้างท่อน้ำ ปรับปรุงท่อระบายน้ำ รวมถึงระบบประปา (3)TRC ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างวางท่อประปาสุราษฎร์ธานี-สมุยซึ่งเป็นคู่ค้ากับ WIIK ได้ประกาศใน Opportunity Day ถึงการเจรจางานการวางท่อประปาแห่งต่อไปที่จังหวัดชัยภูมิ มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินโครงการนี้ต่อไป เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับ WIIK ในการจำหน่ายท่อประปาให้กับคู่ค้ารายนี้ และจากนี้ไปมีแนวโน้มที่ TRC จะร่วมเป็นพันธมิตรกันในวางท่อประปาโครงการต่าง ๆ ในประเทศเพิ่มมากขึ้น WIIK เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท อิงวิธี Sum-of-the-parts จากค่า PER 14 เท่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรวม 6.00 บาท และ ค่า DCF สำหรับงานบริหารจัดการน้ำ 2 แห่งรวม 0.70 บาท อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น (คิด Fully Dilution จาก WIIK-W1) ในปี 2560-2561 เท่ากับ 17%YoYและ 18%YoY Price Pattern ของ WIIK ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่โดยปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 5.25 บาท ราคา WIIK มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 5.15 บาท ซึ่งถือเป็นแนวต้านแข็งแกร่งมาก หาก Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 5.15 บาทได้จะเป็นการบ่งบอกถึงการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 6.40 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 7.95 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ WIIK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5 บาท

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลงในเดือน พ.ค. มาอยู่ที่ 85.5 จุด จาก 86.4 จุดในเดือน เม.ย. เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวมลดลง ในระหว่างที่ ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าลดลงอยู่ที่ 99.6 จุดจาก 100.0 จุดในเดือน เม.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อภายในประเทศ (Hoon Inside)

• ยอดขายรถในประเทศเติบโต 0.6% YoYและ 5% MoMในเดือน พ.ค. อยู่ที่ 66,422 คัน หนุนโดยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น การออกรุ่นรถยนต์ SUV ใหม่ และราคาผลผลิตการเกษตรที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยอดผลิตรถยนต์เดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 0.7% YoYและ 41% MoMอยู่ที่ 169,495 คัน การปรับตัวขึ้นอย่างสูงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเกิดการที่เดือน เม.ย.มีช่วงวันหยุดยาว (Bangkokbiznews)

• ยอดหนี้นอกระบบลดลง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปิดเผยว่า จำนวนคนที่ลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากรัฐที่ 14.1 ล้านคนมียอดหนี้กับเจ้าหนี้นอกระบบทั้งหมดในปีนี้ที่ 7 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 9 หมื่นล้านบาทในปีก่อน หนุนโดยความพยายามของรัฐในการจัดการกับปัญหาหนี้นอกระบบมาโดยตลอด (Bangkok Post)

• คาดภาษีใหม่ช่วยหนุนความต้องการรถ EV ส.อ.ท.คาดความต้องการในประเทศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต หนุนโดยอัตราภาษีใหม่ของรัฐที่ตั้งเป้าเพื่อส่งเสริมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างของการเปลี่ยนภาษีใหม่จะรวมถึง ภาษีสำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะถูกปรับลงจากในช่วง 25% เป็น 5% อิงจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในระหว่างที่ภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ถูกปรับลงเป็น 2% จาก 10% (Bangkok Post)

• CK(ราคาปิด 29.00 บาท): CK เซ็นต์สัญญาจ้างงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มูลค่า 1.96 หมื่นล้านบาท วันที่ 20 มิ.ย. 60 ที่ผ่านมา CK ได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างในสัญญางานบริหารโครงการ รวมถึงจัดหา ติดตั้ง และทดสอบอุปกรณ์งานระบบและทดลองเดินรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย โดยอุปกรณ์งานระบบจะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล(สายสีน้ำเงินเดิม) (SET)ความเห็น: Backlog นี้มีมูลค่าต่ำกว่าที่ CK กำหนดและต่ำกว่าความคาดหมายของเราที่คาดการณ์ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนั้นเราจึงปรับลดคำแนะนำของ CK จากซื้อเป็นถือโดยมีราคาเป้าหมาย 30 บาท, เหลือ Upside เพียง 3%

ต่างประเทศ:

• ตลาดพันธบัตรสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และตอบสนองต่อมุมมองของเฟด โดยส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรที่แบนราบลง ซึ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ในเชิงบวกลดลงสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวในเวลาเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เฟดกำลังมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนต่างของผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี กับ 30 ปีเมื่อวานนี้แบนราบลงไปอีกอยู่ที่ 95 bps ซึ่งเป็นส่วนต่างที่แคบที่สุดนับแต่เดือนธ.ค. 2550 นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจะต้องซื้อพันธบัตรระยะยาว (Reuters)

• หลังจากการประกาศของ MSCI ยังต้องรอการนำหุ้นจีนเข้ามาในการคำนวณดัชนีหุ้นทั่วโลก โดยนักลงทุนกล่าวว่าอาจใช้เวลาราว 10 ปี สำหรับ MSCI ที่จะนำหุ้นจีนทั้งหมดเข้ามาคำนวณดัชนี เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มการปฏิรูป ความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและการกำกับดูแลกิจการที่อ่อนแอ และมีความกังวลบางประการว่าดัชนีอาจจะไม่เคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระ (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันพุธ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงอย่างหนักจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้และราคาน้ำมันที่ขยับลงเรื่อยๆ ซ้ำเติมความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวัฏจักรของภาคต่างๆ อย่างเช่นภาคธนาคารและอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสุขภาพและเทคโนโลยีหนุนดัชนีแนสแดคให้ปรับตัวขึ้น (Reuters)

• ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับยอดขายรายเดือนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในรอบ 10 ปีและปัญหาการขาดแคลนสต็อกบ้านส่งผลให้ราคากลางบ้านพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยที่ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.1% สู่ระดับ 5.62 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลง 0.5% สู่ระดับ 5.55 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ราคากลางบ้านพุ่งขึ้นแตะ 252,800 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทะยานขึ้น 5.8% YoY (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวลงวานนี้ ฉุดโดยหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แม้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษจะมีการกล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งรวมถึงแผนทางกฎหมายของนายกฯ เทเรซา เมย์ในช่วงอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลต่ออารมณ์ตลาดหุ้นอังกฤษมากนัก (Reuters)

เอเชีย:

• หุ้นฮ่องกงตกอยู่ในความหวาดกลัวเรื่องการรวม MSCI จะทำให้เกิดเงินไหลออกไปจีน:ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพุธเนื่องจากนักลงทุนให้การต้อนรับอย่างฉับพลันจากการที่ MSCI จะเพิ่มตลาดหุ้นจีนให้เป็นหนึ่งใน Benchmarks ที่สำคัญสำหรับการคำนวณ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นฮ่องกงกลับอยู่ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าตลาดจีนที่เปิดกว้างและได้รับการยอมรับในระดับสากล จะเป็นภัยคุกคาม และลดบทบาทของตลาดฮ่องกงที่เป็นตัวแทนการลงทุนในตลาดจีน (Reuters)

• แผนไอพีโอของหุ้น Saudi Aramco คาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากการสับเปลี่ยนตำแหน่งในราชวงศ์ซาอุดิอารเบีย: แผนของซาอุดีอารเบียในการเสนอขายหุ้น IPO ของ Aramco ประมาณ 5% ด้วยมูลค่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดรวมของ Aramco ขึ้นไปถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเป็นเคส IPO ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา โดยวางแผนจะออกหุ้นในต้นปี 2561 ซึ่งการเลื่อนตำแหน่งของโมฮัมเหม็ด บินซาลมาน ขึ้นไปเป็นมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอารเบียจะสนับสนุนให้แผนการของเขาในการ IPO บริษัทน้ำมันของประเทศ มีความเข้มแข็งในการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจด้วย(The Wall Street Journal)


สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมัน:น้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 42.53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหรือ -2.25% น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลงเช่นกัน เท่ากับ 44.82 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.2 ดอลลาร์หรือ 2.61% สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ล่าสุด เกิดที่คาดไว้ว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ราคาน้ำมันแตะจุดต่ำสุดรอบ 10 เดือนเพราะความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาด แม้ข้อมูล EIA จะเป็นเชิงบวกก็ตาม ตลาดยังรอว่าจะมีความพยายามร่วมกันลดการผลิตน้ำมันจาก OPEC อย่างจริงจังหรือไม่ (EIA, CNBC, Reuters)ความเห็น: เรายังมีมุมมองขาลงสำหรับ PTT PTTEP และ PTTGC ซึ่งจะกระทบราคาน้ำมันให้เป็นขาลงอยู่

• ค่าระวางเรือ: Baltic Dry Index (BDI) ปิดที่ 844 จุด ลบ 4 จุด ปรับตัวลดลงเล็กน้อยหกวันติดต่อกันแล้วจากจุดสูงสุดรอบนี้ที่ 870 จุด (Aspen)

• Gold: ราคาทองในตลาด COMEX สำหรับส่งมอบในเดือน ส.ค. 60 ปรับตัวขึ้น 2.3 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 0.18% อยู่ที่ 1,245.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เด้งกลับในรอบ 3 วันหลังจากที่ดอลลาร์อ่อนค่า นอกจากนี้ การปรับตัวลงของตลาดสหรัฐเป็นอีกปัจจัยนึงที่ช่วยหนุนการลงทุนในทอง (CNBC, Reuters)