แกร็บรุกตจว.ลุย ‘3บริการใหม่’

แกร็บรุกตจว.ลุย ‘3บริการใหม่’

ขยายพื้นที่คลุม 9 จังหวัด ดีเดย์ ก.ค.นี้ เปิดเรียกสองแถวแดงเชียงใหม่ผ่านแอพ

‘แกร็บ’ ดัน 3 บริการใหม่ในไทย จับมือสองแถวแดงเชียงใหม่ เปิด ‘แกร็บเรดทรัค’ เรียกเหมาคันผ่านแอพ คาดเปิดบริการได้ ก.ค.นี้ พร้อมลุย 'จัสท์ แกร็บ‘ นำร่องก่อน 3 จังหวัดหัวเมือง โคราช อุดรธานี และอุบลราชธานี พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมใน 9 จังหวัด ผนึก ’ออล ไทย แท็กซี่' หวังเพิ่มจำนวนรถ ผู้โดยสารใช้บริการเร็วขึ้น ยันพร้อมหารือรัฐบาลขับเคลื่อนการเดินทาง ขนส่ง แบบดิจิทัล

นายยี วี แตง ผู้อำนวยการ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริการเรียกรถสองแถวแดงเชียงใหม่ หรือ แกร็บเรดทรัค (Grab RedTruck) เป็นนวัตกรรมดิจิทัลบริการล่าสุดจากแกร็บ ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ บริการใหม่นี้อยู่ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองและปฏิวัติการเดินทางขนส่งให้เข้าสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เป็นโครงการนำร่องบริการเรียกรถแบบออนดีมานด์ผ่านแอพพลิเคชั่นแกร็บ ที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ เดือนก.ค.นี้

รถสองแถวแดงที่ให้บริการ ‘แกร็บเรดทรัค’ รองรับผู้โดยสารสูงสุด 9 คนต่อคัน นอกจากนี้ บริการที่แกร็บพัฒนาขึ้นแบบเฉพาะตามแต่ละท้องถิ่น เช่น บริการ ‘แกร็บเรดทรัค’ นี้ถือเป็นบริการที่แกร็บตั้งใจนำนวัตกรรมการเรียกรถผ่านแอพลิเคชั่นมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น แสดงถึงผลลัพธ์อันดีจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งค่าบริการจะเป็นการคิดเหมาต่อคัน ส่วนค่าโดยสารทางขนส่งจังหวัดจะเป็นผู้กำหนด

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการจัสท์แกร็บ (Just Grab) ครั้งแรกในไทย เริ่มที่จังหวัดนครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี และหากการนำร่องการให้บริการใน 3 จังหวัดดังกล่าวได้ผลตอบรับดี ก็มีแผนจะเปิดบริการให้ครบ 9 จังหวัดที่แกร็บให้บริการอยู่ จัสท์แกร็บเป็นบริการที่รวบรวมรถแกร็บแท็กซี่ และแกร็บคาร์ในการเรียกใช้เพื่อเพิ่มจำนวนของรถที่ให้บริการ และตอบรับความต้องการโดยสารรถในเมือง ช่วยให้ผู้โดยสารได้รถมารับไวขึ้น บริการดังกล่าวยังได้กำหนดค่าโดยสารตายตัว ผู้โดยสารสามารถทราบราคาค่าโดยสารที่โปร่งใสตามโครงสร้างราคาและเวลาที่เรียกรถ

ทั้งนี้ แกร็บได้ทดลองให้บริการ จัสท์แกร็บในประเทศสิงคโปร์เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา และได้ผลตอบรับดีจากผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ ผู้ขับขี่ เนื่องจากเป็นบริการที่ใช้งานได้ง่าย ช่วยย่นระยะเวลาเดินทาง และช่วยให้ผู้ใช้บริการทราบราคาค่าโดยสาร ที่ต้องจ่ายอย่างชัดเจนจากแอพลิเคชั่นก่อนกดยืนยันการเรียกรถ

ขณะเดียวกัน ได้ผนึกกำลังร่วมกับ “ออล ไทย แท็กซี่” เพิ่มจำนวนรถที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มของแกร็บในกรุงเทพฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น รถแท็กซี่ของออล ไทย แท็กซี่ ช่วยให้ผู้โดยสารที่ใช้แอพพลิเคชั่นแกร็บได้รับบริการได้รวดเร็วขึ้น ผู้โดยสารสามารถเลือกชำระค่าโดยสารผ่านแกร็บเพย์ เพิ่มความสะดวกในการโดยสารได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด เมื่อการพัฒนาระบบเสร็จสมบูรณ์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

การขยายพื้นที่ให้บริการไปยังจังหวัดใหม่ๆ เพราะเห็นโอกาส และความต้องการใช้งาน เนื่องจากผู้ใช้บริการแอพลิเคชั่นแกร็บจำนวน 1 ใน 5 ใช้บริการต่างๆ ของแกร็บในพื้นที่ให้บริการมากกว่า 1 เมือง แกร็บจึงพร้อมให้บริการด้วยราคาที่เหมาะสมผ่านแอพลิเคชั่นเดียว ซึ่งใช้งานได้ในทุกพื้นที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แกร็บให้บริการ

ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป แกร็บจะขยายพื้นที่ให้บริการไปยังภาคอีสาน เริ่มที่จังหวัดนครราชสีมาและอุดรธานี เมื่อนับรวมกับ 2 จังหวัดใหม่ทำให้แกร็บมีพื้นที่ให้บริการในไทย 9 จังหวัด ได้แก่ กทม.และปริมณฑล พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี รวมเป็นทั้งหมด 57 เมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นางสาวโฮย หลิง ตัน ผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า แกร็บได้ทำงานกับรัฐบาลไทยมาต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้การบริการเป็นไปตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้ไม่ต้องการที่จะเร่งรัด อยากให้เดินหน้าไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน บริษัทหวังให้ผลที่ออกมาลงตัวกับทุกฝ่าย

“ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อทำงานร่วมกัน แต่เรามีมุมมองเชิงบวก และเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้หากร่วมมือกัน โดยโมเดลของแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันออกไป”

จำนวนคนขับแกร็บในไทยโต 226%
โอกาสครบรอบ 5 ปี แกร็บยังได้เผยแพร่รายงาน ‘Moving SEA Together’ ระบุว่า แกร็บมียอดดาวน์โหลดแอพมากกว่า 45 ล้านดาวน์โหลด ก้าวกระโดดจากเดือน มิ.ย.ปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว มีผู้ขับขี่ในเครือข่ายกว่า 930,000 คนที่ร่วมกันรับส่งผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านเที่ยวต่อวัน ใน 7 ประเทศ

ในไทยแกร็บช่วยให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบจากอัตราค่าแรงโดยเฉลี่ยของไทย ช่วยลดระยะเวลาเดินทางของผู้โดยสารลงได้ถึง 20% อัตราการเกิดอุบัติเหตุของรถในเครือข่ายแกร็บต่ำกว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศถึง 5 เท่า ปัจจุบันจำนวนสมาชิกผู้ขับขี่ของแกร็บในไทยเติบโตต่อเนื่องทุกปีถึง 226% นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในประเทศไทยเมื่อปี 2556

“เราตั้งใจยกระดับคุณภาพชีวิตของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ในเครือข่ายของเราทุกคน เราจดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้อง และพร้อมสนับสนุนการพัฒนาสังคมและนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล แกร็บเชื่อว่าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชนจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งจากภายในประเทศและช่วยให้ผู้บริโภคไทยได้รับประโยชน์” นายแตง กล่าว