Daily Market Outlook (20 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (20 มิ.ย.60)

ความเชื่อมั่นกลับคืนมา

คาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อวันนี้หลังจากถ้อยแถลงของประธาน Fed สาขานิวยอร์คที่ทรงอิทธิพล William Dudley ที่เห็นเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่ง เสริมสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในเศรษฐกิจสหรัฐ และผลประกอบการบริษัทสหรัฐและของโลก จุดสนใจสำคัญวันนี้คือ MSCI จะพิจารณารับหรือไม่รับหุ้นจีนที่เรียกว่า A-shares เข้านับรวมในดัชนีตลาดเกิดใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การรับและราคาน้ำมันที่ยังร่วงต่อเนื่องจะจำกัดการปรับตัวขึ้นในตลาดอื่นๆ รวมทั้ง SET ด้วย ปัจจัยภายในประเทศวันนี้มีทั้งบวกและลบ รัฐบาลยังคงมีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของการส่งออก จำนวนบริษัทใหม่พุ่ง 34% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีในเดือน พ.ค. แต่ กนง.แสดงความเป็นห่วง SME บางรายมีปัญหาหนี้

หุ้นเด่นวันนี้: TCAP (ราคาปิด 46.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 55.00 บาท)

บมจ.ทุนธนชาต เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะกลับมาฟื้นตัว คุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง มูลค่าหุ้นที่ถูก และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ ยอดสินเชื่อสุทธิของ TCAP เดือน พ.ค.เติบโต 0.14% MoMซึ่งเติบโตเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ถึงแม้สินเชื่อจะยังหดตัว 0.14% จากสิ้นปี 59 แต่ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นจากที่หดตัว 1.3% ในไตรมาส 1/60 เราคาดสินเชื่อจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี หนุนโดยตลาดรถยนต์ที่ฟื้นตัวและสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเราคาดสินเชื่อปี 60 จะเติบโต 5% เป็นไปตามเป้าของธนาคารที่ 3-5% นอกจากนี้ เราประทับใจกับคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร เนื่องจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงติดต่อกันมา 11 ไตรมาสแล้วอยู่ที่ 2.32% ในไตรมาส 1/60 จาก 2.41% ณ สิ้นปี 59 ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 152.12% จาก 146.79% ในปี 59 และเราคาดแนวโน้ม NPL มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นต่อในไตรมาส 2/60 นอกเหนือจากนั้นแล้ว TCAP อาจมีการใช้ผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลืออยู่เพื่อพัฒนาองค์กร เช่น ดิจิตอลแบงกิ้งและบุคลากร เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ในแง่ของการประเมินมูลค่า ปัจจุบัน หุ้น TCAP น่าสนใจมากเนื่องจากยังซื้อขายกันที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.9 เท่าและมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีที่ 4.7% เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 10.9% ในปี 60 และ 5.9% ในปี 61 Price Pattern ของ TCAP ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal เพียงแต่ Price Pattern ของ TCAP ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางยังอยู่ในช่วงการปรับฐานจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal โดยหาก Price Pattern ของ TCAP สามารถปิดตลาดทั้งในรายวันและรายสัปดาห์ได้เหนือ 47.75 บาท ก็จะทำให้ Price Pattern ของ TCAP กลับมาเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TCAP ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายแรกที่ 40.25 บาทไปได้แล้ว จึงมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 63.75 บาท (Resistance: 47.00, 47.25, 47.50; Support: 46.50, 46.25, 46.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• คาดใช้ ม.44 แก้ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ข้อเสนอเพื่อใช้มาตรา 44 ในการจัดการปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ที่ถูกใช้ในกิจกรรมทางธุรกิจนอกเหนือเกษตรกรรม เช่น ปิโตรเลียม เหมือง และพลังงานทดแทน จะถูกนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อขอความเห็นชอบวันนี้ (Bangkok Post)

• รัฐคงมุมมองบวกต่อส่งออก ก.พาณิชย์ยืนยันเป้าเติบโตส่งออกปี 60 ที่ 5% แม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นก็ตาม เพราะปัจจัยดังกล่าวค่อนข้างมีผลกระทบจำกัดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาคได้ปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกันเช่นกัน (Bangkok Post)

• บริษัทตั้งใหม่พ.ค.พุ่ง34% สูงสุดรอบ 4 ปี บริษัทจัดตั้งใหม่เดือน พ.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 5,832 ราย เพิ่มขึ้น 34% ทำสถิติสูงสุดรอบ 4 ปี ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา(มกราคม-พฤษภาคม 2560) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทจำนวน 29,417 รายเพิ่มขึ้น 3,541 รายคิดเป็น 14% ธุรกิจก่อสร้าง-อสังหา-เครื่องประดับมาแรง ขณะที่ธุรกิจเจ๊งช่วง 5 เดือน เฉียด 5 พันราย นักวิชาการเผยผู้ประกอบการมองครึ่งปีหลังดี ธุรกิจดีขึ้น แต่ยังไม่ได้ดั่งหวัง ชี้ 5 กลุ่มที่ต้องปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลง (ไทยโพสต์, แนวหน้า)

• กนง.-กนส. จับตาหนี้เสียธุรกิจเอสเอ็มอี-ภาคครัวเรือน คณะกรรมการนโยบายการเงินและคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยเกาะติดหนี้เสียธุรกิจเอสเอ็มอี-ภาคครัวเรือน หลังพบความสามารถการชำระหนี้ด้อยลง ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอุปทานคงค้างสูงในบางระดับราคา และบางพื้นที่ แต่ยังไม่พบสัญญาณเก็งกำไรอย่างกว้างขวางหรือภาวะฟองสบู่ (ผู้จัดการ, มติชน)

• IRPC (ราคาปิด 5.10; NR; IAA Consensus ราคาเฉลี่ย 6.00 บาท) ย้ำเหตุเพลิงไหม้หน่วยผลิต 52 โครงการ UHV ไม่สะเทือนผลการดำเนินงาน ชี้ปิดซ่อมแค่ 10 วัน จากนั้นเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังตามปกติทันที (ข่าวหุ้น)

• MM(ราคาปิด 5.55 บาท) วางกลยุทธ์ ใช้ร้านอาหารในเครือ MM "เกรฮาวด์" เป็น Brand Equity ขยายสู่ธุรกิจรูปแบบไลฟ์สไตล์ใหม่ ต่อยอดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เล็งขยายสาขาเพิ่มเป็นอีกหลังจากมีแล้ว 1 สาขาในมาเลเซีย-สิงคโปร์ และเตรียมเปิดตลาดใหม่ในอินโดนีเซีย ลุยข้ามทวีปสู่อังกฤษ-ยุโรปภายในปีนี้ (ข่าวหุ้น)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ หลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กได้แสดงความคิดเห็นในเชิงบวกซึ่งหนุนความคาดหวังว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.19% จากระดับ 2.16% เมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีและ 30 ปีแบนราบลง โดยลดลง 100 bps ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากความเห็นที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อพันธบัตรระยะกลางแต่พันธบัตรระยะยาวได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัว (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันจันทร์จากความเห็นหนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของนายดัดลีย์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปรับตัวขึ้น 0.4% สู่ระดับ 97.537 เงินยูโรอ่อนค่า 0.4% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1147 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.5% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.43 เยน (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันจันทร์ โดยดัชนี S&P500 และดาวโจนส์ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ที่เติบโตสูงกว่าตลาดรวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งเนื่องจากนักลงทุนดูเหมือนจะมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหลังมีความเห็นเชิงบวกจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก (Reuters)

• นายดัดลีย์ให้ความเห็นหนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ซึ่งปกติแล้วจะให้ความเห็นคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำในการประชุม FOMC กล่าวว่าการหยุดวงจรกระชับทางการเงินอย่างกระทันหันในขณะนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และกล่าวว่าอัตราการว่างงานที่ระดับ 4.3% และเงินเฟ้อที่ระดับ 1.5% เป็นระดับที่ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว (Reuters)

• ผู้นำวุติสภาของรีพับลีกันต้องการคะแนนเสียงให้กฎหมายที่จะมาแทน Obamacareซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งอยู่ใน ก.ค. กฎหมายผ่านสภาผู้แทนฯ แล้วเมื่อ 4 พ.ค. โดยชนะเพียงหวุดหวิด เพียง 217 ต่อ 213 เสียง หรือมากกว่าที่ต้องการเพียง 1 เสียง ผลสำรวจชี้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้เพราะทำให้ผู้คนเป็นล้านต้องออกจากประกันสุขภาพ ผู้นำวุติสภาของรีพับลีกันกลัวว่าวุฒิสภาจะปัดตกร่างกฎหมายนี้ (Reuters)

• นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวอเมริกันที่ถูกจำคุกในเกาหลีเหนือ 17 เดือนเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล Cincinnati เมื่อวันจันทร์ หลังจากที่เขาถูกปล่อยตัวไม่กี่วันก่อนหน้า โดยแพทย์กล่าวว่าสมองของนาย Otto Warmbierได้รับความเสียหายอย่างมากถึงขั้นไม่ตอบสนอง นั่นหมายความว่าเขาถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักในช่วงระหว่างที่ถูกจับกุม (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้นมากกว่าดัชนีอื่นๆ ในยุโรปเมื่อวันจันทร์ หนุนโดยชัยชนะของประธานาธิบดี Emmanuel Macron ในระหว่างที่หุ้นกลุ่มธนาคารเด้งกลับหลังจากนักวิเคราะห์ปรับประมาณการขึ้น และหุ้นกลุ่มค้าปลีกมีการฟื้นตัวจากที่ปรับตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (Reuters)

• รถตู้พุ่งชนคนหน้ามัสยิดใกล้กรุงลอนดอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 11 ราย และมี 2 รายที่อยู่ในอาการสาหัส โดยนายกฯ เทเรซา เมย์ได้ออกมาประณามการก่อร้ายดังกล่าว ขณะที่คนขับรถเป็นชายวัย 47 ปี ถูกผู้อาศัยที่อยู่ในละแวกนั้นช่วยกันจับตัวก่อนที่ตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุ โดยชายคนนี้กล่าวว่า เขาต้องการฆ่าชาวมุสลิมให้หมด (Reuters)

เอเชีย:

• ความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ผลิตญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นในเดือน มิ.ย.ซึ่งสอดคล้องกับระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งแตะระดับสูงสุดแล้วเมื่อเดือน เม.ย.และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเวลาหลายเดือน และจากการสำรวจของ Reuters/Tankan แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (Reuters)

• ยอดส่งออกของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นในเดือน พ. ค.เร็วที่สุดในรอบสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากส่งออกรถยนต์และเหล็กที่เพิ่มขึ้น บ่งบอกถึงความต้องการที่แข็งแกร่งของโลก การส่งออกเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 14.9% YoYนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.58 และเกือบสองเท่าในเดือน เม.ย.แม้ว่าจะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 16.1% ขณะที่ยอดนำเข้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 17.8% ในเดือน พ.ค.เป็นกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2557 เทียบกับประมาณการเฉลี่ยที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 14.8% YoYเนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นดันยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก (Reuters)

• MSCI มีแนวโน้มที่จะเปิดตัวดัชนีตลาดใหม่สำหรับหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น A-share ของจีน ในวันนี้ MSCI จะประกาศผลการตรวจสอบในเวลา2130 GMT ตรงกับเวลาไทยประมาณ 4.30 น.เวลา MSCI กำลังมองหาหุ้น 169 ตัวในตลาด A-share ซึ่งมีมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และดัชนีอ้างอิงของ All-Country World มูลค่า 37 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดจำนวนหุ้นจากรายการเดิมที่ 448 หุ้น โดย 169 หุ้น จะคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5 ของ บริษัทจดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด หากประสบความสำเร็จหุ้นอย่างเป็นทางการหุ้นเหล่านี้จะมีน้ำหนักรวมกัน 0.5% MSCI มีหุ้นจีนอยู่แล้ว แต่มีหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงหรือสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 28 ของดัชนี Emerging Market (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันร่วง 1% วันจันทร์ สู่จุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนเพราะผู้เล่นในตลาดมองสัญญาณว่าจะมีการผลิตเพิ่มขึ้นในสหรัฐ ลิเบียและไนเจีย มากกว่าการพยุงตลาดที่นำโดย OPEC น้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 46 เซนต์ (0.9%) ปิดที่ 46.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับแต่ 29 พ.ย. น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 54 เซนต์ (-1.2%) ปิดที่ 44.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดนับแต่ 14 พ.ย. (Reuters)

• ทองคำต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์วันจันทร์ เพราะดอลลาร์แข็งค่าจากความเห็นเชิงขึ้นดอกเบี้ยจาก Dudley แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit ทองคำตลาดจรลบ 0.7% ปิด 1,244.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ลงไปแตะ 1,244.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ต่ำสุดนับแต่ 17 พ.ค. ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ส.ค. ลบ 0.8% ปิดที่ 1,246.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)