ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 19-23 มิ.ย. 60

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 19-23 มิ.ย. 60

ราคาน้ำมันดิบถูกกดดัน ท่ามกลางอุปทานส่วนเกินจากลิเบีย ไนจีเรีย และสหรัฐ

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 43-48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 45-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (19 มิ.ย. – 23 มิ.ย. 60)

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดจะถูกกดดันต่อเนื่อง จากภาวะอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินที่ยังไม่คลี่คลายในเร็วนี้ หลังลิเบียและไนจีเรียเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ ความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปของสหรัฐ ที่เติบโตช้าลง ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังคาดจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่คาดว่าจะปรับลดลงหลังโรงกลั่นคงกำลังการกลั่นในระดับสูงและปริมาณการนำเข้าจากซาอุดิอาระเบียที่คาดจะปรับลดลง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

- ภาวะอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินยังคงส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง แม้ว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคจะสามารถตกลงยืดระยะเวลาข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นสุดไตรมาส 1 / 2560 โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 835,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Sharara เปิดดำเนินการ และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในไนจีเรียที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังน้ำมันดิบจากแหล่ง Forcados กำลังการผลิตราว 200,000-250,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการส่งออกในเดือนนี้

- ตลาดยังคงกังวลกับความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐ ที่อ่อนตัวลงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ โดยอุปสงค์น้ำมันเบนซินในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงกว่าร้อยละ 3.8 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 มิ.ย. 2560 เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 242.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 19.4 ล้านบาร์เรล

- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด 16 มิ.ย. 2560 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 22 สัปดาห์ติดต่อกันมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 747 แท่น ส่งผลให้สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดในปี 2560 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ จะปรับเพิ่มขึ้น 430,000 บาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า และปริมาณการผลิตจะสูงขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 780,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2561

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับลดลง หลังโรงกลั่นในประเทศคงกำลังการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่อง และ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบคาดจะปรับลดลง โดยเฉพาะ ซาอุดิอาระเบีย ที่คาดจะปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบไปยังสหรัฐ ลดลงจากโดยเฉลี่ยที่ส่งออกไปยังสหรัฐ ประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนนี้ และลดลงในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมมาอยู่ที่ 850,000 และ 750,000 บาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 511.5 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล

- ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตและบริการยูโรโซน ดัชนีภาคการผลิตและบริการสหรัฐ ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย. – 16 มิ.ย. 60)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 1.09 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 44.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.78 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 47.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐ รายงานโดย EIA สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 9 มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านบาร์เรล สร้างความกังวลให้กับตลาดว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐ ในช่วงฤดูกาลขับขี่อาจอ่อนตัวกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบีย ไนจีเรีย และสหรัฐ ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียเตรียมลดปริมาณการส่งมอบน้ำมันดิบเดือนก.ค. กับผู้ซื้อบางรายในประเทศจีน อินเดีย และเกาหลีใต้ ราว 300,000 บาร์เรลต่อวัน และปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบไปยังสหรัฐ และยุโรปกว่าร้อยละ 35 และ 11 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปริมาณที่ส่งออกในเดือน มิ.ย.

----------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999